กกต.กทม.เตือนผู้สมัครรีบยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.รอบที่แล้ว หลังล่าสุดมียื่นแค่ 9 ราย ขาด 7 ราย “อภิรักษ์-ประภัสร์” ยังไม่ยื่น ชี้ หากไม่แสดงบัญชีมีสิทธิทั้งจำและปรับ ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ส่วนเรื่องร้องเรียนของ “หล่อเล็ก” 4 เรื่องยังดำเนินการต่อตามกฎหมาย
นายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) ได้รับแจ้งบัญชีการใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง ของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้วทั้งสิ้น 9 คน จากจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 16 คน ได้แก่
1.นายสุเมธ ตันธนาสิริกุล ผู้สมัครหมายเลข 6 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 212,595.54 บาท
2. นายอุดม วิบูลเทพาชาติ ผู้สมัครหมายเลข 13 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 331,095.60 บาท
3. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครหมายเลข 8 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 12,852,222.98 บาท
4. น.ส.วชิราภรณ์ อายุยืน ผู้สมัครหมายเลข 14 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 398,260 บาท
5.นางลีนา จังจรรจา ผู้สมัครหมายเลข 7 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 1,214,588 บาท
6.นายสมชาย ไพบูลย์ ผู้สมัครหมายเลข 15 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 212,164.96บาท
7.ร.อ.เมตตา เต็มชานาญ ผู้สมัครหมายเลข 3 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 2,194,391 บาท
8.นายวิทยา จังกอบพัฒนา ผู้สมัครหมายเลข 9 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 78,093 บาท
และ 9. นายกิติศักดิ์ ถิรวิศิษฏ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 210,598 บาท
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 117 ประกาศให้ผู้สมัครทุกคนจะต้องยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการหาเสียงภายใน 90 วัน นับจากวันเลือกตั้งเสร็จสิ้น โดยจะครบกำหนดในวันจันทร์ ที่ 5 มกราคม ปี2552 ทั้งนี้ หากผู้สมัครคนใดไม่ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเลือกตั้งตามที่กำหนด หรือยื่นเอกสารไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามที่กำหนด จะต้องระวางโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปีด้วย
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม กกต.กทม.มีการแจ้งเตือนผู้สมัครไปแล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งครั้งสุดท้ายอีก 1 ครั้งช่วงใกล้วันครบกำหนด เพื่อให้ผู้สมัครได้ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งให้ครบทุกคนภายในวันที่กำหนด อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เมื่อปี 2547 ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ใช้ค่าใช้จ่ายมากที่สุด คือ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.โดยมีค่าใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้งประมาณ 20 ล้านบาท
ผอ.กกต.กทม.กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องร้องเรียน นายอภิรักษ์ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทั้ง 4 เรื่องนั้น ขณะนี้บางส่วนได้ส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.กลาง) บ้างแล้ว และบางส่วนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ของ กกต.กทม.และจะส่งให้ กกต.กลางภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งแม้ นายอภิรักษ์ จะลาออกจากตำแหน่ง แต่กระบวนการการตรวจสอบก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
นายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) ได้รับแจ้งบัญชีการใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง ของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้วทั้งสิ้น 9 คน จากจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 16 คน ได้แก่
1.นายสุเมธ ตันธนาสิริกุล ผู้สมัครหมายเลข 6 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 212,595.54 บาท
2. นายอุดม วิบูลเทพาชาติ ผู้สมัครหมายเลข 13 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 331,095.60 บาท
3. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครหมายเลข 8 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 12,852,222.98 บาท
4. น.ส.วชิราภรณ์ อายุยืน ผู้สมัครหมายเลข 14 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 398,260 บาท
5.นางลีนา จังจรรจา ผู้สมัครหมายเลข 7 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 1,214,588 บาท
6.นายสมชาย ไพบูลย์ ผู้สมัครหมายเลข 15 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 212,164.96บาท
7.ร.อ.เมตตา เต็มชานาญ ผู้สมัครหมายเลข 3 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 2,194,391 บาท
8.นายวิทยา จังกอบพัฒนา ผู้สมัครหมายเลข 9 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 78,093 บาท
และ 9. นายกิติศักดิ์ ถิรวิศิษฏ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 ใช้งบหาเสียงทั้งสิ้น 210,598 บาท
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 117 ประกาศให้ผู้สมัครทุกคนจะต้องยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการหาเสียงภายใน 90 วัน นับจากวันเลือกตั้งเสร็จสิ้น โดยจะครบกำหนดในวันจันทร์ ที่ 5 มกราคม ปี2552 ทั้งนี้ หากผู้สมัครคนใดไม่ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเลือกตั้งตามที่กำหนด หรือยื่นเอกสารไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามที่กำหนด จะต้องระวางโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปีด้วย
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม กกต.กทม.มีการแจ้งเตือนผู้สมัครไปแล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งครั้งสุดท้ายอีก 1 ครั้งช่วงใกล้วันครบกำหนด เพื่อให้ผู้สมัครได้ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งให้ครบทุกคนภายในวันที่กำหนด อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เมื่อปี 2547 ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ใช้ค่าใช้จ่ายมากที่สุด คือ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.โดยมีค่าใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้งประมาณ 20 ล้านบาท
ผอ.กกต.กทม.กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องร้องเรียน นายอภิรักษ์ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทั้ง 4 เรื่องนั้น ขณะนี้บางส่วนได้ส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.กลาง) บ้างแล้ว และบางส่วนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ของ กกต.กทม.และจะส่งให้ กกต.กลางภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งแม้ นายอภิรักษ์ จะลาออกจากตำแหน่ง แต่กระบวนการการตรวจสอบก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป