ส.ก.ส.ค.ลงมติเพิ่มตำแหน่งรองเลขาธิการ ส.ก.ส.ค.อีก 1 ตำแหน่งเป็น 4 ตำแหน่ง ชี้ไม่กระทบกับงบประมาณ พร้อมตั้งคณะกรรมการองค์การค้าของ ส.ก.ส.ค.ชุดใหม่ และปรับโครงสร้างเพิ่ม 3 หน่วยงาน เป็น 11 หน่วยงาน เพื่อให้คลอบคลุมงานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายชินภัทร ภูมิรัตน รักษาการปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (ส.ก.ส.ค.) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มตำแหน่งรองเลขาธิการ ส.ก.ส.ค.อีก 1 ตำแหน่ง จากเดิม 3 ตำแหน่ง เป็น 4 ตำแหน่ง เพราะจากการรับฟังข้อมูลจากผู้ที่ปฏิบัติงานได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันภาระงานของ ส.ก.ส.ค.มีจำนวนมาก และจะต้องดูแลให้บริการสมาชิกที่มีอยู่จำนวนหลายล้านคน หากมีรองเลขาฯ ส.ก.ส.ค.เพียง 3 คน ไม่เพียงพอ บอร์ด ส.ก.ส.ค.จึงเห็นชอบตามที่เสนอ เพราะแม้จะตั้งรองฯ เพิ่ม 1 คน ไม่กระทบกับงบประมาณแต่อย่างใด ส่วนกระบวนการสรรหานั้น ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการไปดำเนินการร่างหลักเกณฑ์ และวิธีการการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นรองเลขาฯ ส.ก.ส.ค.ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมการองค์การค้าของ ส.ก.ส.ค.ชุดใหม่ จำนวน 11 คน แทนชุดเดิมที่จะหมดวาระสิ้นเดือนกันยายนนี้ และได้อนุมัติแผนการใช้งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 ของ ส.ก.ส.ค. โดยเน้นการดำเนินงาน 3 เรื่อง คือ 1.ตั้งศูนย์ดูแลครูอาวุโส 2.ปรับปรุงหอพักของ ส.ก.ส.ค.ให้น่าอยู่และน่าพักอาศัยมากขึ้น และ3.จัดให้มีผู้ประสานงานของ ส.ก.ส.ค.ในสถานศึกษา โดยเชิญบุคลากรจากสถานศึกษาเข้ามาเป็นผู้ประสานงานพร้อมจัดทำคู่มือให้เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
นายชินภัทร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการปรับโครงสร้างของ ส.ก.ส.ค.จากเดิมที่มีหน่วยงานในสังกัด 8 หน่วยงาน เพิ่มอีก 3 หน่วยงาน รวมเป็น 11 หน่วยงาน เพราะโครงสร้างเดิมที่มีหน่วยงานในสังกัดเพียง 8 หน่วยงานนั้นได้มีการปฏิบัติงานมาแล้วเป็นระยะเวลา 5 ปี ยังไม่สามารถตอบสนองภารกิจได้อย่างครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพได้ ดังนั้น จึงเห็นชอบให้เพิ่มหน่วยงานอีก 3 หน่วยงาน รวมเป็น 11 หน่วยงานประกอบด้วย 1.หน่วยตรวจสอบภายใน 2. สำนักอำนวยการ 3.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ 4.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคล 5.สำนักสวัสดิการครู 6.สำนักสวัสดิภาพครู 7.สำนักกฎหมายและคุ้มครองสิทธิครู 8.สำนักงาน ส.ก.ส.ค.จังหวัด 9.ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตครู 10.สำนักส่งเสริมการลงทุนและการจัดหาผลประโยชน์ และ 11.องค์การค้าของ ส.ก.ส.ค. นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบปรับค่าตอบแทนให้กับแพทย์และทันตแพทย์ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานพยาบาลของ ส.ก.ส.ค. เพื่อให้แพทย์ได้รับค่าตอบแทนเทียบเท่ากับสถานพยาบาลอื่นๆ
นายชินภัทร ภูมิรัตน รักษาการปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (ส.ก.ส.ค.) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มตำแหน่งรองเลขาธิการ ส.ก.ส.ค.อีก 1 ตำแหน่ง จากเดิม 3 ตำแหน่ง เป็น 4 ตำแหน่ง เพราะจากการรับฟังข้อมูลจากผู้ที่ปฏิบัติงานได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันภาระงานของ ส.ก.ส.ค.มีจำนวนมาก และจะต้องดูแลให้บริการสมาชิกที่มีอยู่จำนวนหลายล้านคน หากมีรองเลขาฯ ส.ก.ส.ค.เพียง 3 คน ไม่เพียงพอ บอร์ด ส.ก.ส.ค.จึงเห็นชอบตามที่เสนอ เพราะแม้จะตั้งรองฯ เพิ่ม 1 คน ไม่กระทบกับงบประมาณแต่อย่างใด ส่วนกระบวนการสรรหานั้น ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการไปดำเนินการร่างหลักเกณฑ์ และวิธีการการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นรองเลขาฯ ส.ก.ส.ค.ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมการองค์การค้าของ ส.ก.ส.ค.ชุดใหม่ จำนวน 11 คน แทนชุดเดิมที่จะหมดวาระสิ้นเดือนกันยายนนี้ และได้อนุมัติแผนการใช้งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 ของ ส.ก.ส.ค. โดยเน้นการดำเนินงาน 3 เรื่อง คือ 1.ตั้งศูนย์ดูแลครูอาวุโส 2.ปรับปรุงหอพักของ ส.ก.ส.ค.ให้น่าอยู่และน่าพักอาศัยมากขึ้น และ3.จัดให้มีผู้ประสานงานของ ส.ก.ส.ค.ในสถานศึกษา โดยเชิญบุคลากรจากสถานศึกษาเข้ามาเป็นผู้ประสานงานพร้อมจัดทำคู่มือให้เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
นายชินภัทร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการปรับโครงสร้างของ ส.ก.ส.ค.จากเดิมที่มีหน่วยงานในสังกัด 8 หน่วยงาน เพิ่มอีก 3 หน่วยงาน รวมเป็น 11 หน่วยงาน เพราะโครงสร้างเดิมที่มีหน่วยงานในสังกัดเพียง 8 หน่วยงานนั้นได้มีการปฏิบัติงานมาแล้วเป็นระยะเวลา 5 ปี ยังไม่สามารถตอบสนองภารกิจได้อย่างครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพได้ ดังนั้น จึงเห็นชอบให้เพิ่มหน่วยงานอีก 3 หน่วยงาน รวมเป็น 11 หน่วยงานประกอบด้วย 1.หน่วยตรวจสอบภายใน 2. สำนักอำนวยการ 3.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ 4.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคล 5.สำนักสวัสดิการครู 6.สำนักสวัสดิภาพครู 7.สำนักกฎหมายและคุ้มครองสิทธิครู 8.สำนักงาน ส.ก.ส.ค.จังหวัด 9.ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตครู 10.สำนักส่งเสริมการลงทุนและการจัดหาผลประโยชน์ และ 11.องค์การค้าของ ส.ก.ส.ค. นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบปรับค่าตอบแทนให้กับแพทย์และทันตแพทย์ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานพยาบาลของ ส.ก.ส.ค. เพื่อให้แพทย์ได้รับค่าตอบแทนเทียบเท่ากับสถานพยาบาลอื่นๆ
