MD กรุงเทพธนาคม ยันไม่มีการล็อกสเปกให้ได้งานบริหารโครงการบีอาร์ที ชี้ ดีเอสไออาจไม่เข้าใจโครงสร้างจึงอาจทำให้เข้าใจผิด เพราะไม่เหมือนที่อื่น
จากกรณีที่พ.ต.อ.ประเวศ มูลประมุข พนักงานสอบสวน 8 ดีเอสไอ ซึ่งดูแลสอบสวนการฮั้วประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์ด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ตามที่ คุณหญิงณัษฐนนท ทวีสิน อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ และพบว่า มีการล็อกสเปกว่าจ้างให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นวิสาหกิจ ของ กทม.เป็นผู้บริหารจัดการโครงการบีอาร์ที อาจไม่ถูกต้องตามระเบียบจัดจ้าง เพราะบริษัท กรุงเทพธนาคม ไม่มีความรู้เรื่องการเดินรถมาก่อน ถ้าสร้างความเสียหายเกิดขึ้น กรุงเทพมหานครจะฟ้องร้องเอาผิดกับใครไม่ได้
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กล่าวว่า บริษัท กรุงเทพธนาคม เป็นวิสาหกิจ ในการกำกับดูแลของ กทม.เช่นเดียวกับกรณีจัดตั้งหน่วยงานตามมาตรา 60 หรือการจัดตั้งการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวิสาหกิจเดียวของเมืองไทย ที่ทำหน้าที่ช่วยบริหารงานมหานคร ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่มหานครใหญ่ๆ ในต่างประเทศ จะตั้งวิสาหกิจลักษณะนี้ขึ้นมาช่วยบริหารงานต่างๆ ซึ่งการบริหารงานในลักษณะนี้เป็นเรื่องใหม่ สำหรับประเทศไทย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ อาจไม่คุ้นเคยกับโครงสร้างองค์กร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความเข้าใจกรุงเทพธนาคม เป็นเหมือนกับบริษัทเอกชนทั่วไป
นายอมร กล่าวอีกว่า ส่วนการบริหารจัดการโครงการนั้น บริษัท กรุงเทพธนาคม ได้ผ่านขบวนการพิจารณา ทั้งจากคณะผู้บริหาร กทม.หน่วยงานที่ปรึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเรียกบริษัทอื่นมาพิจารณาด้วย แต่สุดท้าย ทุกฝ่ายก็เลือกกรุงเทพธนาคม เพราะเห็นว่ามีความเหมาะสมที่สุด และสามารถกำกับดูแลได้ อีกทั้งเป็นผู้ที่อยู่กับโครงการนี้มาตั้งแต่ระดับนโยบายจนกระทั่งปัจจุบัน
“ต้องยอมรับว่า โครงนี้เป็นโครงการใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น ถ้ากล่าวถึงเรื่องประสบการณ์บริษัทในประเทศไทย ก็ไม่มีบริษัทไหนได้บริหารงานเช่นนี้มาก่อน แต่กรุงเทพธนาคมมีข้อเด่น คือ อยู่กับโครงการนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ทราบรายละเอียด ดังนั้นถ้าโครงการเปิดให้บริการและบริษัทได้ทำงานจริงๆ แล้ว ตรงนั้นจะเป็นสิ่งพิสูจน์ที่ชัดเจน” นายอมร กล่าว