xs
xsm
sm
md
lg

นวัตกรรมใหม่ ‘ควบคุมโรคสะเก็ดเงินแบบองค์รวม’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลักษณะแผลอักเสบเรื้อรังของโรคสะเก็ดเงิน
แน่นอนวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้น โรคร้ายหลายชนิดที่เคยคร่าชีวิตมนุษย์จำนวนมากมายในอดีตถูกควบคุมด้วยยา วัคซีน เครื่องมือทางการแพทย์ และวิธีการดูแลรักษาใหม่ๆ แต่ภายใต้สุขภาวะที่ว่าก็ยังมีโรคภัยอีกมากมายซึ่งยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

โรคผิวหนัง เป็นโรคหนึ่งที่ปัจจุบันคนไทยเป็นกันมาก ซึ่งจากสถิตของสถาบันโรคผิวหนังในปี 2549 พบว่ าโรคผิวหนังเป็นโรคยอดฮิตอันดับ 7 ของคนไทย พบได้ 82 คนในประชากรทุก 1,000 คน และในแต่ละปีก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

ทว่า ความเจ็บป่วยที่แท้จริงจากโรคผิวหนังกลับเป็นอาการป่วยทางใจมากกว่าทางกาย เพราะอาการของโรคจะส่งผลต่อการยอมรับของสังคมที่มักรังเกียจผู้ป่วยโรคผิวหนัง ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานจากภาวะทางสังคมอันบีบคั้น ก่อให้เกิดภาวะเครียด ทำให้อาการกำเริบมากขึ้น จนบางรายถึงขนาดคิดสั้น

ปรากฏการณ์ที่ว่าเห็นได้ชัดโดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคผิวหนัง โดยผู้ป่วยมักถูกมองและปฏิบัติจากสังคมราวกับเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อร้ายแรง ทั้งที่จริงแล้วโรคสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นโรคอักสบเรื้อรังเป็นๆ หายๆ อันเกิดจากการเสียสมดุลของยีนที่ผิดปกติ กับปัจจัยกระตุ้นจากภายนอกและภายในที่ไม่ดี ทำให้เกิดโรคขึ้น ซึ่งมีอาการผื่นผิวหนังอักเสบเป็นปื้นแดงหนา มีขุยคล้ายเงิน ขอบเขตชัดเจน บางรายมีเล็บผิดรูป ปวดข้อต่างๆ ยาและเทคโนโลยีที่มีอยู่ไม่สามารถทำให้โรคหายขาดได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับงานวิจัยของโครงการงานประจำสู่งานวิจัย หรือ R2R (Routine to Research) เรื่องการดูแลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินแบบองค์รวมด้วยจิตวิญญาณ โดย รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม และคณะ พบว่า หากมีการดูแลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินอย่างถูกวิธี ด้วยวิธีการให้ความรู้ และเสริมสร้างสภาวะจิตใจให้ดีแล้ว จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ซึ่งจากการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ผู้ป่วยที่เข้ากลุ่มช่วยเหลือกันเอง มีคุณภาพชีวิต ระดับความเครียด และอาการของโรค (PASI score) ดีขึ้นจาก 5.9 ลดเหลือ 4.4 ในสามเดือนต่อมา

ที่สำคัญผู้ป่วยมักเข้าใจผิดว่าการใช้ยาร่วมกับเครื่องฉายแสงอัลตราไวโอเลตจะทำให้โรคหายขาดได้ ทำให้เมื่ออาการกำเริบจึงมักหันไปใช้ยาหม้อ หรือสมุนไพรในการรักษา บางครั้งก็เกิดพิษจากยา ทำให้มีอาการป่วยเพิ่มขึ้น และโรงพยาบาลต่างๆ ก็มักละเลยการให้ความรู้เรื่องโรค วิธีการดูแลตัวเองและวิธีการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหรือโรคกำเริบ ทั้งที่เป็นหัวใจสำคัญของการดูแลรักษาโรคสะเก็ดเงิน

“การให้ยา หรือใช้เทคโนโลยีในการรักษาโรคเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาของผู้ป่วยได้ แต่การให้ความรู้ความเข้าใจ และให้โอกาสแก่ผู้ป่วยได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีหลบหลีกปัจจัยที่กระตุ้นให้โรคกำเริบจากเพื่อนผู้ป่วยด้วยกันคู่ไปกับการรักษาปกติ จะทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ และส่งผลให้อาการไม่กำเริบ” รศ.นพ.ป่วน ชี้ให้เห็นถึงแนวทางในการรักษาผู้ป่วย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เผยต่อไปว่า สาเหตุที่ทำให้ผื่นโรคสะเก็ดเงินเป็นปื้นหนา เพราะหลอดเลือดดำใต้ผิวหนังจะขยายตัวและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก และพบว่าเซลล์ผิวหนังมีการแบ่งตัวเร็วผิดปกติจาก 28 วัน เป็น 4 วัน ซึ่งปัจจัยทำให้เกิดโรคมี 2 ปัจจัยคือ 1.สาเหตุภายในร่างกาย (แก้ไขยังไม่ได้) เช่น พันธุกรรม เพศ อายุ และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย 2.สาเหตุภายนอกร่างกาย (หลีกเลี่ยงได้) เช่นการแกะเกา โรคติดเชื้อ ยาบางชนิด การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และความเครียด

จากการเก็บข้อมูลและศึกษาพบว่า ถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคสะเก็ดเงินเพียงคนเดียว โอกาสที่ลูกจะเป็นประมาณ 8.1% และถ้าพ่อและแม่เป็นโรคสะเก็ดเงินโอกาสที่ลูกจะเป็นเพิ่มขึ้นถึง 41%

สำหรับการรักษาทั่วไปแพทย์จะให้ยาทา ยากิน การฉายแสงอัลตราไวโอเลต หรือยาฉีด ตามแต่ลักษณะของผื่นและความรุนแรงของอาการ

ปัญหาสำคัญคือ ผู้ป่วยขาดความรู้เรื่องเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค และปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบ นั่นคือ ความเครียด ความทุกข์จากโรค และสังคมรังเกียจ การแกะเกา การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ขาดความรู้เรื่องการใช้ยาที่ถูกต้อง และค่ายาราคาสูง

“นอกจากการเข้ารับการรักษาจากแพทย์แล้ว จะต้องดูแลด้านจิตใจของผู้ป่วยด้วยว่าทำไมจึงมีความวิตก เครียด ซึ่งพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีปัญหาผื่นคัน และเกา จึงได้ใช้หลักศาสนาเข้าไปรักษาทางใจแก่ผู้ป่วย”

จากการศึกษาของต่างประเทศพบว่าการจัดกลุ่มให้ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินได้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหา คาดว่าจะช่วยลดความเครียด ลดความรุนแรงของโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินได้ ดั้งนั้นทีมพัฒนาการดูแลรักษาโรคสะเก็ดเงินของภาควิชาตจวิทยา โรงพยาบาลศิริราชจึงจัดตั้งโครงการกลุ่มสัมพันธ์ช่วยเหลือกันเองในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินเพื่อศึกษาว่าจะสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยได้หรือไม่

จึงได้มีการประยุกต์การรักษาโรคสะเก็ดเงินแบบองค์รวมขึ้น โดยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคนี้อย่างปกติสุข ด้วยวิธีการดูแลร่างกายทุกส่วน ดูแลจิตใจให้แจ่มใส ดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เหมาะสม และรู้จักเลือกใช้ยาให้ถูกต้องเหมาะสมกับระยะและอาการของโรค

กลุ่มสัมพันธ์ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจึงเกิดขึ้นสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เป็นการให้ผู้ป่วยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์อาการป่วย การดูแลร่างกายและจิตใจ รวมทั้งมีกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียดสำหรับผู้ป่วยด้วย

“เช่น เป็นผื่นคันเพราะแผลแห้ง ขาดความชื้น เราก็ต้องทำให้แผลชุ่มชื้น ไม่เกา และใช้น้ำมันมะกอก ซึ่งคนไข้เองส่วนใหญ่ก็เคยใช้ แต่ไม่มีใครสอนวิธีใช้ที่ถูกต้อง เขาก็จะได้เรียนรู้จากเพื่อนผู้ป่วยด้วยกันหรือถ้าคันเราก็ต้องสอนให้เขาเอาชนะความคันด้วยการเอาผ้าเย็นประคบ บอกให้เขาใจเย็นๆ เปิดดนตรีฟัง ฟังเสียงน้ำ หรือปฏิบัติธรรม เราต้องหาทางออกหลายๆ ทางให้แก่ผู้ป่วย”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่า ผู้ป่วยทุกคนในกลุ่มจะได้เปิดตัวเองว่าเป็นโรคสะเก็ดเงิน เท่ากับช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความจริงได้ และยังได้เพื่อนที่เป็นโรคเดียวกันคอยให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นการเรียนรู้วิธีคลายความเครียดด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและคนทั่วไปผ่านเครื่องมือการสื่อสารต่างๆ เช่น แผ่นพับ วิดีโอ ซีดี หนังสือ เว็บไซต์ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่สังคมให้ตรงกัน

ในเมื่อการรักษาแบบองค์รวมมีผลสามารถควบคุมปัจจัยที่ทำให้ให้เกิดโรคหรือโรคกำเริบได้ ดังนั้น หากมีการนำวิธีการนี้ไปขยายผลในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ก็น่าจะเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยซึ่งทุกข์ทรมานจากโรคสะเก็ดเงินสามารถใช้ชีวิตอยู่กับโรคอย่างปกติสุขได้
 ความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังที่มีการแบ่งตัวเร็วผิดปกติ ทำให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรัง
กำลังโหลดความคิดเห็น