“อภิรักษ์” เตรียมขนโครงการด้านจราจรเป็นกลยุทธ์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ 2 ทั้ง รถไฟรางเดี่ยว-โอน ขสมก.มาดูแลเอง คาดใช้งบ 20 ล้านบาท สู้ศึกครั้งนี้ ส่วนทีมงานยังใช้บริหารหน้าเก่าๆ เพื่อความต่อเนื่องของงาน
แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มีมติส่ง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่สอง ล่าสุด ทีมงานวางแผนกลยุทธ์การหาเสียงให้กับนายอภิรักษ์ ได้กำหนดกลยุทธ์ที่จะใช้ในการหาเสียงเบื้องต้นแล้ว โดยจะชูคอนเซ็ปต์คร่าวๆ ว่า การที่ นายอภิรักษ์ ทำงานมา 4 ปี นั้นถูกทางแล้ว รู้ว่าอะไรทำได้จริง ดีกว่าเลือกคนใหม่เข้ามาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ดังนั้น จึงขอให้เลือกคนที่รู้งานเข้ามาสานต่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมจัดพิมพ์เอกสารและป้ายหาเสียง ซึ่งจะติดตั้งพร้อมกันหลัง นายอภิรักษ์ ได้สมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.ย.อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้ กลยุทธ์การหาเสียงจะจัดทำเสร็จสิ้นทั้งหมด
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการใหม่ที่จะนำมาใช้ในการหาเสียงครั้งนี้ จะเน้นในเรื่องของโครงการแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งจะมีทั้งโครงการที่ กทม.จะดำเนินการเอง และโครงการที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเห็นชอบ คือ โครงการระบบขนส่งมวลชนย่อย เช่น การจัดระบบการเดินทางโดยรถเมล์ ซึ่ง กทม.จะทำเรื่องเสนอขอรับโอนรถเมล์ประจำทางจากบริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาดำเนินการ และระบบขนส่งมวลชนขนาดกลาง คือ ระบบรถไฟรางเดี่ยว หรือล้อยาง (โมโนเรล)
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เป็นจุดแข็งของ นายอภิรักษ์ ซึ่งได้แก่ ความทุ่มเท ตั้งใจในการทำงาน ความซื่อสัตย์สุจริต ผลงานที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา ก็จะมีการสานต่อไป ขณะที่จุดด้อย เช่น การที่ กทม.ถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ หรือโครงการบางอย่างที่ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จนั้นก็จะต้องชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในการหาเสียงเลือกตั้งของ นายอภิรักษ์ ครั้งใหม่นี้ พรรคยังจะระดมผู้ใหญ่และสมาชิกพรรคลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ เพราะได้วิเคราะห์สถานการณ์ในขณะนี้แล้วว่าพรรคไม่ได้ประมาทคู่แข่งทุกคนที่ประกาศตัวลงสมัครเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ทั้งนั้น ซึ่งพรรคเชื่อใจในการตัดสินใจของประชาชนชาวกทม. ขณะที่งบประมาณในการหาเสียงที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้ผู้สมัครแต่ละคนใช้จ่ายในการเลือกตั้ง 39 ล้านบาท/คนนั้น ทางนายอภิรักษ์ไม่อยากให้ใช้งบประมาณเยอะโดยตั้งเป้าจะไม่ให้เกิน 20 ล้านบาท เพราะมีนโยบายไม่เน้นการหาเสียงที่หวือหวา
ส่วนการวางตัวบุคคลเพื่อร่วมทีมงาน นายอภิรักษ์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย รองผู้ว่าฯ กทม.4 คน และทีมที่ปรึกษา 9 คน เลขานุการผู้ว่าฯ กทม.1 คนนั้น ส่วนใหญ่ยังจะเป็นคนหน้าเก่า เนื่องจากต้องการให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน แต่อาจจะมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งตามความเหมาะสม ขณะเดียวกัน ก็จะมีการทาบทามบุคคลหน้าใหม่เข้ามาช่วยงานเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนของ นายเกียรติ สิทธิอมร รัฐมนตรีเงากระทรวงพาณิชย์ พรรค ปชป.ก็มีการทาบทามในเบื้องต้นแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ขณะที่ นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัด กทม.ก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยงานgเมื่อเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย.นี้
แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มีมติส่ง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่สอง ล่าสุด ทีมงานวางแผนกลยุทธ์การหาเสียงให้กับนายอภิรักษ์ ได้กำหนดกลยุทธ์ที่จะใช้ในการหาเสียงเบื้องต้นแล้ว โดยจะชูคอนเซ็ปต์คร่าวๆ ว่า การที่ นายอภิรักษ์ ทำงานมา 4 ปี นั้นถูกทางแล้ว รู้ว่าอะไรทำได้จริง ดีกว่าเลือกคนใหม่เข้ามาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ดังนั้น จึงขอให้เลือกคนที่รู้งานเข้ามาสานต่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมจัดพิมพ์เอกสารและป้ายหาเสียง ซึ่งจะติดตั้งพร้อมกันหลัง นายอภิรักษ์ ได้สมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.ย.อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้ กลยุทธ์การหาเสียงจะจัดทำเสร็จสิ้นทั้งหมด
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการใหม่ที่จะนำมาใช้ในการหาเสียงครั้งนี้ จะเน้นในเรื่องของโครงการแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งจะมีทั้งโครงการที่ กทม.จะดำเนินการเอง และโครงการที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเห็นชอบ คือ โครงการระบบขนส่งมวลชนย่อย เช่น การจัดระบบการเดินทางโดยรถเมล์ ซึ่ง กทม.จะทำเรื่องเสนอขอรับโอนรถเมล์ประจำทางจากบริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาดำเนินการ และระบบขนส่งมวลชนขนาดกลาง คือ ระบบรถไฟรางเดี่ยว หรือล้อยาง (โมโนเรล)
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เป็นจุดแข็งของ นายอภิรักษ์ ซึ่งได้แก่ ความทุ่มเท ตั้งใจในการทำงาน ความซื่อสัตย์สุจริต ผลงานที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา ก็จะมีการสานต่อไป ขณะที่จุดด้อย เช่น การที่ กทม.ถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ หรือโครงการบางอย่างที่ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จนั้นก็จะต้องชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในการหาเสียงเลือกตั้งของ นายอภิรักษ์ ครั้งใหม่นี้ พรรคยังจะระดมผู้ใหญ่และสมาชิกพรรคลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ เพราะได้วิเคราะห์สถานการณ์ในขณะนี้แล้วว่าพรรคไม่ได้ประมาทคู่แข่งทุกคนที่ประกาศตัวลงสมัครเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ทั้งนั้น ซึ่งพรรคเชื่อใจในการตัดสินใจของประชาชนชาวกทม. ขณะที่งบประมาณในการหาเสียงที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้ผู้สมัครแต่ละคนใช้จ่ายในการเลือกตั้ง 39 ล้านบาท/คนนั้น ทางนายอภิรักษ์ไม่อยากให้ใช้งบประมาณเยอะโดยตั้งเป้าจะไม่ให้เกิน 20 ล้านบาท เพราะมีนโยบายไม่เน้นการหาเสียงที่หวือหวา
ส่วนการวางตัวบุคคลเพื่อร่วมทีมงาน นายอภิรักษ์ ซึ่งจะประกอบไปด้วย รองผู้ว่าฯ กทม.4 คน และทีมที่ปรึกษา 9 คน เลขานุการผู้ว่าฯ กทม.1 คนนั้น ส่วนใหญ่ยังจะเป็นคนหน้าเก่า เนื่องจากต้องการให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน แต่อาจจะมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งตามความเหมาะสม ขณะเดียวกัน ก็จะมีการทาบทามบุคคลหน้าใหม่เข้ามาช่วยงานเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนของ นายเกียรติ สิทธิอมร รัฐมนตรีเงากระทรวงพาณิชย์ พรรค ปชป.ก็มีการทาบทามในเบื้องต้นแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ขณะที่ นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัด กทม.ก็พร้อมที่จะเข้ามาช่วยงานgเมื่อเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย.นี้