xs
xsm
sm
md
lg

สำนักระบายน้ำกระอัก เคลียร์อุโมงค์ไม่ชัด เสี่ยงแห้ว 190 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รองปลัดกทม.เผยผลตรวจสอบข้อเท็จจริงสินบนยุ่น 125 ล้านไม่พบฮั้วทุกขั้นตอน ขณะที่นิชิมัตสึไทยยันบ.แม่ที่ญี่ปุ่นไม่เคยโอนเงิน 400 ล้านเยนให้แต่ถ้าจ่ายผ่านตัวคนเองไม่ทราบ ขณะที่ “สนน.” เสี่ยงไม่ได้รับงบจ่ายขาดเพิ่มเติม190ล.บ. เหตุเคลียร์คดีอุโมงค์ฉาวไม่ชัด จี้ “ชาญชัย” พร้อมแนะ กทม. ฟ้อง “นสพ.เกียวโด นิวส์” เหตุลงข่าวกระทบภาพพจน์ขรก.กทม.

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีทำหนังสือขอความร่วมมือจากจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีข่าวสินบนอุโมงค์ระบายน้ำ 125 ล้านบาท สำนักระบายน้ำ(สนน.) กทม.ว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับข้อมูล และยังตอบไม่ได้ว่าจะได้ข้อมูลเมื่อใด ส่วนตัวคิดว่าการขอข้อมูลครั้งนี้หากเป็นข้อเท็จจริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบ กรณีที่นายพรพจน์ กรรณสูต รองผอ.สนน.ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาโครงการดังกล่าว ที่ปรากฏข้อมูลว่า มีนามสกุลเดียวกับกรรมการในบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูล(ในสมัยนั้น) หรือไม่ นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นใดกับเรื่องนี้ และจะไม่มีการตั้งกรรมการสอบ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วตั้งแต่ปี 2546 ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น กทม.ยังต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวที่ปรากฏจากทางการญี่ปุ่นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คิดอย่างไร กรณีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) หลายคน ตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากโครงการอุโมงค์สินบน 125 ล้านบาทแล้ว ยังมีโครงการอื่นๆ ที่ส่อเค้าว่าจะมีการแบ่งเค้กกันอย่างชัดเจน อาทิ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ ถนน สะพาน 16 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท และล่าสุดการประมูลก่อสร้างอุโมงค์มไหศวรรย์ มูลค่าเกือบ1,000 ล้านบาท ที่มีผู้รับเหมา 10 รายเสนอราคาใกล้เคียงกันเพียงสตางค์เดียว ซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบข้อมูลพบว่าบริษัทเหล่านี้เคยได้รับงานก่อสร้างสะพานข้ามแยก 15 โครงการเมื่อ 5 ปีก่อนนั้น ปลัด กทม. กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ และเคยไม่ทราบชื่อบริษัทที่เข้าประมูลว่ามีบริษัทใดบ้าง

ด้านนายสมศักดิ์ กลั่นพจน์ รองปลัดกทม.กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือเรื่องรายละเอียดโครงการจากสนน.แล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ค.จากนั้นได้ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด และได้รายงานเรื่องที่ได้รับมอบหมายจากปลัด กทม.ทั้งหมดแล้วพร้อมทั้งแนบเอกสาร ที่ สนน.รายงานมาไปด้วย โดยในส่วนของรายละเอียดโครงการของ สนน.นั้นได้ตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติในขั้นตอนใด ๆ สำหรับการสอบถามไปที่ บริษัท นิชิมัตสึฯ ประจำประเทศไทย ถึงเรื่องการจ่ายเงินสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ของ กทม. ซึ่งทางบริษัฯทชี้แจงมาว่า ที่ผ่านมาบริษัทนิชิมัตสึฯ สาขาใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นไม่เคยโอนเงินจำนวน 400 ล้านเยน มาที่สาขาประเทศไทยแต่อย่างใด แต่การจะจ่ายผ่านไปถึงใครอย่างไรนั้นไม่ทราบ

ส่วนการประสานขอข้อมูลไปที่สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อขอข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องการสอบสวนผู้บริหารบริษัทตามที่มีการนำเสนอผ่านสื่อของประเทศญี่ปุ่น และประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ร่วมตรวจสอบการกล่าวอ้างการทุจริตดังกล่าว นั้นยังไม่มีหน่วยงานใดตอบหนังสือหรือชี้แจงรายละเอียดอะไรกลับมา ทั้งนี้หากมีการตอบหนังสือกลับมาจากทั้ง 2 หน่วยงานตนก็จะรีบรายงานให้ ปลัด กทม.ทราบทันที

นายอภิชาติ หาลำเจียก สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(กทม.) พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เขตดินแดง ในฐานะกรรมการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2551 (ฉบับที่...) เปิดเผยภายหลังการพิจารณางบฯ ในส่วนของสำนักระบายน้ำ (สนน.) ว่า สนน. ได้ของบเพิ่มเติมเข้ามาในหลายส่วน โดยเฉพาะในส่วนของการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ-ลาดพร้าว ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ของบเพิ่มเติมเข้ามาประมาณ190 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด60 ลูกบาศก์เมตร/วินาที พร้อมอุปกรณ์และระบบไฟฟ้ากำลัง เพิ่มเติม ซึ่งในการหารือนั้นเบื้องต้นยังไม่ได้มีการคุยเรื่องรายละเอียด แต่ได้หารือกันว่า ขอให้นายชาญชัย วิทูรปัญญากิจ ผอ.สนน. ฐานะรองผอ.ควบคุม ดูแลโครงการ และประธานพิจารณาผลการประกวดราคาโครงการฯ ชี้แจงกรณีที่มีข่าวจากสำนักข่าวญี่ปุ่นระบุว่าทางบริษัทนิชิมัตซึ คอนสตรัคชัน ได้ให้สินบนกับข้าราชการไทยกว่า 125 ล้านบาทเพื่อแลกกับการเข้ามาทำโครงการดังกล่าวก่อน ซึ่งทางคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้ให้เวลาในการทำข้อมูลเพื่อชี้แจงจำนวน 7 วัน หลังจากนั้นจึงจะมีการพิจารณาในตัวงบประมาณที่ขอเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งหาก นายชาญชัย ไม่สามารถชี้แจงได้ ทางคณะกรรมการวิสามัญ อาจจะไม่สามารถพิจารณาอนุมัติงบดังกล่าวให้ได้

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า ทางคณะกรรมการ ได้มีการเสนอด้วยว่า หากทางการประเทศญี่ปุ่นไม่ยอมส่งข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว หลังจากที่ทางผู้บริหาร กทม. ได้ส่งหนังสือไปแล้ว ทาง กทม. ควรที่จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับสำนักข่าวเกียวโด นิวส์ ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากลงข่าวที่เป็นผลกระทบต่อภาพพจน์ของข้าราชการกทม. และประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น