อภ.ให้ทุนกว่า 8 ล้าน วิจัยทางคลินิกยาธาลัสซีเมียสร้างบรรทัดฐานที่เป็นสากลในการจ่ายยาของแพทย์แก่ผู้ป่วยในระดับอาการต่างๆ เพื่อให้เกิดสิทธิผลสูงสุดในการบำบัดรักษาผู้ป่วย
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม ได้พัฒนาเพื่อผลิตยารายการใหม่ที่มีความจำเป็นต่องานสาธารณสุขของประเทศ ล่าสุดได้มีการผลิตวัตถุดิบเพื่อใช้ในการทำยาสำหรับรักษาผู้ป่วยธาลัสซีเมียในชื่อ “จีพีโอ แอล วัน” ที่ผ่านการตรวจรับรองขึ้นทะเบียนยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว โดยมีสรรพคุณเทียบเท่ากับยาต้นแบบ และที่สำคัญเป็นการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้ายาจากต่างประเทศในราคาที่ต่ำลงกว่ายาต้นแบบถึง 10 เท่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ป่วย
ขณะเดียวกันได้มีการสนับสนุนยาและงบประมาณรวมทั้งสิ้นจำนวน 8,485,000 บาท ภายใต้โครงการ “การศึกษาวิจัยร่วมระหว่างสถาบันระยะเวลา 1 ปี แบบเปิดเผยชื่อยากลุ่มการรักษาเดียวในการประเมินประสิทธิผล และความปลอดภัยของยารับประทาน จีพีโอ แอล วัน ปริมาณ 75-100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ในผู้ป่วยเบต้าธาลัสซีเมียที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีธาตุเหล็กสะสมเกิน เนื่องมาจากการได้รับเลือด” เพื่อประเมินประสิทธิผลและผลข้างเคียงของการใช้ยา Deferiprone 500 mg tabletทั้งนี้ ยาจีพีโอ แอล วัน ที่อภ.ผลิต ในขนาดเริ่มต้น 75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน และสามารถปรับขนาดยาตามผลการตอบสนองได้สูงสุดถึง 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน ในผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ชาวไทย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดแนวทางเวชปฏิบัติของการใช้ยาดังกล่าวในประเทศไทย
ผอ.อภ.กล่าวด้วยว่า สำหรับการศึกษาวิจัยดังกล่าวจะใช้ระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่ มิถุนายน 2551 – มิถุนายน 2552 เป็นการวิจัยร่วมกันระหว่าง 6 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลนครปฐม และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ส่วนการคัดเลือกผู้ป่วยจะแบ่งเป็นผู้ใหญ่ 75 ราย เด็ก 75 ราย ดำเนินการตรวจติดตามผู้ป่วยในแต่ละสถาบันในแนวทางเดียวกัน โดยมีคณะกรรมการกลางและทีมผู้ดูแลโครงการวิจัยที่แต่งตั้งโดยมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย เป็นผู้กำกับดูแล ควบคุมให้คำปรึกษาแนะนำในประเด็นของประสิทธิภาพยา ความปลอดภัย ตลอดจนควบคุมกำกับดูแลการดำเนินการวิจัยดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล