“พนิช” แบไต๋พร้อมชิงผู้ว่าฯกทม.ถ้า “อภิรักษ์” ติดคดีดับเพลิง

“พนิช” แบไต๋ หาก “อภิรักษ์” ติดคดีดับเพลิง พร้อมเป็นเบอร์ 2 ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนาม ปชป.ทันที เพราะมีความเหมาะสมในทุกด้าน ด้าน “อภิสิทธิ์” ปัดข่าว “พนิช” ทิ้งเก้าอี้รองผู้ว่าฯกทม.ทะเลาะกับ “หล่อเล็ก” ยันมาช่วยงานปชป.เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งพ่อเมือง

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดใจถึงการลาออกจากตำแหน่ง ว่า ตนได้ยื่นจดหมายลาออกต่อ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ซึ่งได้อนุมัติการลาออก ซึ่งตนจะทำงานวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันที่ตนรู้สึกดีใจ และเสียใจ เพราะตลอดเวลาการทำงานในตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.เป็นเวลา 45 เดือน ตนทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อมีความจำเป็นจากทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ก็ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งทางหัวหน้าพรรคได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์และประสานงานการเมืองของพรรคระหว่าง ส.ส. ส.ก.และ ส.ข.ในพื้นที่ กทม.ทั้งหมดโดยเฉพาะในช่วงนี้ โดยงานแรกที่จะลงมือทำ คือ การสร้างความเข้าใจกับ ส.ส. ส.ก.และ ส.ข.ของพรรคถึงบทบากหน้าที่ของคณะผู้บริหาร กทม.

ขณะเดียวกัน ก็นำสิ่งที่เขาต้องการมาบอให้ทางฝ่ายผู้บริหาร กทม.รับทราบด้วย และตลอดเวลาที่ผ่านมาตนได้รับความร่วมมือจากคณะผู้บริหารทุกท่าน ตลอดจนข้าราชการทุกระดับเชื่อว่าถึงแม้ตนจะไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้แล้วงานทุกอย่างก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะทุกอย่างมีระบบ มีกระบวนการ

ส่วนที่ไม่รอให้ครบวาระทั้งที่เหลืออีก 3 เดือนนั้น นายพนิช กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคแล้ว แต่ภาระหน้าที่ที่ตนจะไปรับผิดชอบนั้นจำเป็นจะต้องมีความเป็นอิสระจากหน้าที่การบริหาร และไม่เป็นทั้ง ส.ส. ส.ก. ส.ข.ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถประสานงานได้ครบถ้วนทุกเรื่อง หากตนยังคงเป็นรองผู้ว่าฯกทม.อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวตั้งใจอยากอยู่ให้ครบวาระแต่เมื่อสถานการณ์การเมืองที่จะมีความรุนแรงมากขึ้นทั้งการเมืองระดับประเทศ และระดับท้องถิ่นจึงจำเป็นเร่งด่วนที่ตนจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้นแทน

“ผมไม่ได้ทิ้งให้ผู้ว่าฯอภิรักษ์ แต่ยังคงทำงานร่วมกันเหมือนเดิมเพราะยังอยู่พรรค ปชป.เหมือนกัน และไม่อยากให้มองว่าเป็นการทิ้ง กทม.ทิ้งงาน และผมก็ไม่ได้หนีปัญหาจากโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที หรือส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า เพราะทั้ง 2 โครงการเดินหน้าไปมากตั้งแต่ที่ผมเข้ามากำกับดูแลงานนี้เป็นเวลา 1.4 ปี ซึ่งจะเห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และเชื่อว่าผมจะมีโอกาสได้ไปเปิดทั้ง 2 โครงการนี้แน่นอนไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม”

“ส่วนคดีความการจัดซื้อรถบีอาร์ทีถึงผมจะยังคงอยู่แต่คดียังไม่จบผมก็ทำงานต่อไม่ได้ และ 1-2 เดือน ตั้งแต่มีการร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามาการก่อสร้างสถานีก็ยังเดินหน้าไปต่อไม่ได้หยุด หยุดแค่กระบวนการขัดซื้อรถบีอาร์ทีเท่านั้น ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่ผิดก็เดินหน้าต่อ แต่ถ้าผิดก็ล้มโครงการแล้วจัดหาใหม่ตามกระบวนการอย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าได้มีความขัดแย้งกับผู้ว่าฯอภิรักษ์ และก็ไม่เคยมีตั้งแต่ทำงานร่วมกันมา ซึ่งทุกคนควรจะเชื่อในคำพูดของผมและเชื่อในความจริง”

**ลั่นพร้อมลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ยังคงยืนยันที่จะไม่ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ นายพนิช กล่าวว่า ทางปชป.มีกระบวนการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมเพื่อมาลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ส่วนตัวตนเองก็เรียนว่ามีประสบการณ์การทำงานกทม.แต่จะเหมาะสมหรือไม่นั้นอยู่ที่ทางพรรคจะเป็นผู้พิจารณาซึ่งทางพรรคเองก็มีบุคลากรเยอะ แต่ต้องดูประสบการณ์ด้วยว่ามีมากน้อยแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หาก นายอภิรักษ์ ติดคดีรถดับเพลิงและรองผู้ว่าฯกทม.รายอื่นๆต้องยุติบทบาทไปด้วยนั้น นายพนิช พร้อมที่จะเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคปชป.ลงสมัครผู้ว่านกทม.หรือไม่ นายพนิช กล่าวว่า พรรค ปชป.จะรู้ดีว่าใครมีความเหมาะสมซึ่งมีทั้งคุณธรรม จริยธรรม ในการทำงานซึ่งผู้ที่เหมาะสมที่จะลงสมัครผู้ว่าฯกทม.มากที่สุดในขณะนี้คือ นายอภิรักษ์ และ นายอภิรักษ์ ต้องมีความสมัครใจด้วย แต่หาก นายอภิรักษ์ ติดคดีรถดับเพลิง คนที่ 2 ที่เหมาะสมที่จะลงก็คือตนเพราะมีประสบการณ์ทำงาน กทม.

ต้อข้อถามที่ว่า หาก นายพนิช ลงสมัครผู้ว่าฯจริง และมีการโจมตีถึงโครงการที่ยังไม่สำเร็จซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนายพนิช อย่าง โครงการถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า นายพนิชจะนำเสนอผลงานอะไรต่อชาว กทม.นายพนิช กล่าวว่า ตลอดการทำงานตนมีผลงานหลายอย่างซึ่งได้มีการปรับปรุงพัฒนามาโดยตลอดทั้งระบบการเงิน การคลัง การกำหนดแผนจราจร และโครงการต่างๆ ที่ยังไม่เสร็จ ถึงจะไม่เสร็จในวันนี้ แต่วันข้างหน้าต้องสำเร็จแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า หากลงแล้วมั่นใจแค่ไหนว่าจะได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม.นายพนิช กล่าวว่า พรรคจะต้องเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์และตนไม่ได้มองว่าคู่ของตนจะเป็นใคร แต่พรรคต้องเสนอนโยบายสำหรับประชาชนให้ที่ดีที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่าลงแล้วจะต้องได้รับเลือก และที่สำคัญต้องสามารถงานกทม.ได้ ทั้งนี้หากตนจะลงจะไม่ลงในนามผู้สมัครอิสระแน่นอน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามแบบที่เล่นที่จริงว่าจะมีการลงพื้นที่เมื่อไหร่ นายพนิช กล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า เจอกันเดือนตุลา

**อภิสิทธิ์ยันไม่ได้ทะเลาะกัน
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.ฝ่ายการคลัง โดยมีข่าวว่า เกิดจากความขัดแย้งกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น และทั้งสองก็ยังทำงานในพรรคด้วยกันอยู่ ทั้งนี้ การลาออกของนายพนิชนั้น เป็นเพราะต้องการให้ระบบการทำงานของพรรค โดยเฉพาะการประสานงานระหว่าง ส.ส. ส.ก.และผู้บริหารกทม.สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงอยากจะมีผู้ประสานงานหลัก ซึ่งตนได้สอบถามบุคลากรในพรรคและนายพนิช ตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยเห็นว่า เป็นงานที่เหมาะสมกับ นายพนิช ซึ่ง นายพนิช ก็สนใจกับงานดังกล่าว แต่เมื่อจะมาทำงานการเมืองโดยเฉพาะการทำงานอำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้วจะดำรงตำแหน่งผู้บริหารกทม.พร้อมกันด้วย คงจะไม่เหมาะสม นายพนิชจึงได้คุยกับนายอภิรักษ์ว่าอยากมาทำงานนี้ และต้องลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งการลาออกจะมีผลในวันที่ 23 พ.ค.นี้ จากนั้น นายพนิช จะเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนจะมาทำงานที่พรรคซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะให้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แต่รอดูว่าใครจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.

ส่วนที่มีการมองว่าเป็นเพราะนายพนิช เตรียมตัวจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคไม่ได้มีการส่งนายพนิชลงสมัครผู้ว่าฯกทม.และตอนนี้ยังไม่มีการพูดว่าจะส่งใครลงมัคร อีกทั้งการลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.ของนายพนิชเกิดขึ้นช่วงปลายวาระของผู้ว่าฯกทม.และนายพนิชไม่ได้มีงานที่คั่งค้างอยู่จำนวนมาก มีแต่เพียงเรื่องงบประมาณของ กทม.ที่ต้องใช้โดยผู้บริหาร กทม.ชุดต่อไป

เมื่อถามว่าการลาออกดังกล่าวเกิดจากกรณีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อรถเมล์ด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ของ กทม.ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะการยังดำรงตำแหน่งในกทม.หรือการมาทำงานกับพรรคไม่ได้มีผลต่อคดี และเขาก็ต้องดำเนินการต่อไป ที่จริงแล้ว ถ้ากังวลต่อการต่อสู้คดี การดำรงตำแหน่งใน กทม.น่าจะมีโอกาสใช้ตำแหน่งหน้าที่ทำอะไรได้มากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคจะยังส่งนายอภิรักษ์ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง ถ้านายอภิรักษ์ยังติดปัญหาจากคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม.ที่อยู่ในการสอบสวนของคตส. พรรคจะทำอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราไม่คิดว่านายอภิรักษ์จะมีปัญหา แต่ถ้ามีปัญหา ก็ต้องมาว่ากัน อย่างไรก็ตามมีหลายคนที่สนใจอยู่ เมื่อถามต่อว่าถ้าในที่สุด พรรคไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ได้ จะเว้นวรรคการเลือกตั้งดังกล่าวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ ตนเชื่อว่าเราหาได้