ปธ.ตรวจสอบจัดซื้อรถบีอาร์ที เผย ยังไม่สามารถลงนามสรุปผลตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ เหตุกรรมการไม่ครบ ต้องรอสัปดาห์หน้าส่งต่อให้ปลัดทำสรุปแนวทางให้ผู้ว่าฯกทม.รับทราบต่อไป ด้าน “พนิช” ระบุ รถบีอาร์ที กทม.ต้องเปิดล่าช้า 2-3 เดือนแม้ผลสอบออกมาโปร่งใส
นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษชิดเกาะกลางของกรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือ บีอาร์ที เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ว่า เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) ที่ประชุมได้ทบทวนข้อสรุปที่ได้จากการประชุมครั้งก่อน มาเพิ่มเติมรายละเอียดโดยการปรับถ้อยคำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่ยังไม่มีการลงนามรับรองผลสอบข้อเท็จจริงเนื่องจากคณะกรรมการจากภายนอก ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมบัญชีกลาง สำนักงานอัยการสูงสุด และสภาทนายความ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมรวมถึงคณะกรรมการฝ่าย กทม.บางรายติดราชการที่ต่างประเทศไม่ได้จึงไม่สามารถลงนามรับรองให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ได้
ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้าจะนัดคณะกรรมการทั้ง 9 คน เพื่อลงนามสรุปผลสอบอีกครั้ง จากนั้นจะนำข้อสรุปดังกล่าวส่งให้นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.ในฐานะผู้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำสรุปหลักการ เหตุผลและข้อเสนอแนะให้กับผู้ว่าฯ กทม.ต่อไป
ด้าน นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะกำกับดูแลโครงการดังกล่าว กล่าวว่า คณะผู้บริหารกำลังรอข้อสรุปจากคณะกรรมการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด ทั้งนี้ เชื่อว่า โครงการดังกล่าว จะต้องเปิดใช้บริการล่าช้าไปอย่างน้อย 2-3 เดือน ซึ่งกำหนดเดิมเปิดทดลองใช้ในเดือนสิงหา-กันยายน ก็อาจจะเลื่อนเป็น ตุลาคม-พฤศจิกายน เนื่องจากก่อนหน้านี้ กทม.ได้สั่งให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งชนะการประมูล ระงับการส่งและผลิตรถไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการร้องเรียน
นายพนิช กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากผลสอบสรุปว่าว่าโครงการนี้มีการฮั้วเรื่องการสมยอมราคากันจริง จะต้องมีการเปิดประมูลราคาใหม่ และอาจจะต้องมีขั้นตอนของการฟ้องร้องกันต่อไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่แน่ใจว่าจะเปิดให้บริการโครงการนี้ได้เมื่อไหร่ ขณะเดียวกันหากผลสอบไม่มีการฮั้วเรื่องการสมยอมราคากัน ทางสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) จะต้องทำเรื่องดำเนินการโครงการต่อ ซึ่งบริษัทที่ชนะการประมูลอาจจะต้องทำแผนการผลิตและส่งรถให้ กทม.ใหม่ เพื่อพิจารณาว่าจะสามารถผลิตและส่งได้ตามแผนเดิมหรือไม่
นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษชิดเกาะกลางของกรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือ บีอาร์ที เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ว่า เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) ที่ประชุมได้ทบทวนข้อสรุปที่ได้จากการประชุมครั้งก่อน มาเพิ่มเติมรายละเอียดโดยการปรับถ้อยคำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่ยังไม่มีการลงนามรับรองผลสอบข้อเท็จจริงเนื่องจากคณะกรรมการจากภายนอก ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมบัญชีกลาง สำนักงานอัยการสูงสุด และสภาทนายความ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมรวมถึงคณะกรรมการฝ่าย กทม.บางรายติดราชการที่ต่างประเทศไม่ได้จึงไม่สามารถลงนามรับรองให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ได้
ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้าจะนัดคณะกรรมการทั้ง 9 คน เพื่อลงนามสรุปผลสอบอีกครั้ง จากนั้นจะนำข้อสรุปดังกล่าวส่งให้นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.ในฐานะผู้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำสรุปหลักการ เหตุผลและข้อเสนอแนะให้กับผู้ว่าฯ กทม.ต่อไป
ด้าน นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะกำกับดูแลโครงการดังกล่าว กล่าวว่า คณะผู้บริหารกำลังรอข้อสรุปจากคณะกรรมการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด ทั้งนี้ เชื่อว่า โครงการดังกล่าว จะต้องเปิดใช้บริการล่าช้าไปอย่างน้อย 2-3 เดือน ซึ่งกำหนดเดิมเปิดทดลองใช้ในเดือนสิงหา-กันยายน ก็อาจจะเลื่อนเป็น ตุลาคม-พฤศจิกายน เนื่องจากก่อนหน้านี้ กทม.ได้สั่งให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งชนะการประมูล ระงับการส่งและผลิตรถไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการร้องเรียน
นายพนิช กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากผลสอบสรุปว่าว่าโครงการนี้มีการฮั้วเรื่องการสมยอมราคากันจริง จะต้องมีการเปิดประมูลราคาใหม่ และอาจจะต้องมีขั้นตอนของการฟ้องร้องกันต่อไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่แน่ใจว่าจะเปิดให้บริการโครงการนี้ได้เมื่อไหร่ ขณะเดียวกันหากผลสอบไม่มีการฮั้วเรื่องการสมยอมราคากัน ทางสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) จะต้องทำเรื่องดำเนินการโครงการต่อ ซึ่งบริษัทที่ชนะการประมูลอาจจะต้องทำแผนการผลิตและส่งรถให้ กทม.ใหม่ เพื่อพิจารณาว่าจะสามารถผลิตและส่งได้ตามแผนเดิมหรือไม่
