กรมอนามัยเตือนเด็กใช้ยาสีฟันสูตรฟลูออไรด์แบบผู้ใหญ่เสี่ยงฟันตกกระ

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนผู้ปกครองช่วยลดพฤติกรรมการกลืนยาสีฟัน ขณะแปรงฟันของเด็กอายุ 3-6 ปี แนะให้บีบยาสีฟันตามแนวขวางของแปรงสีฟัน เพื่อให้เด็กได้รับปริมาณยาสีฟันที่มีส่วนผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม และเป็นการป้องกันการเกิดฟันตกกระจากการกลืนยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์มากเกินไป

นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงพฤติกรรมการกลืนยาสีฟันในขณะแปรงฟันของเด็ก ว่า เด็กเล็กๆ มักกินหรือกลืนยาสีฟันเข้าไปในระหว่างการแปรงฟันเป็นประจำ เนื่องจากระบบควบคุมการกลืนยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้ไม่สามารถบ้วนยาสีฟันออกให้หมด หรือเด็กบางคนอาจตั้งใจกินยาสีฟันเข้าไป เพราะมีกลิ่น รส สี และบรรจุภัณฑ์เป็นที่ถูกใจ ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมการใช้ยาสีฟันภายในครอบครัวที่มีเด็กและการแปรงฟันของเด็ก โดยสอบถามผู้ปกครองของเด็กอายุ 1-7 ปี เมื่อปี 2544 พบว่า ร้อยละ 79.2 เริ่มใช้ยาสีฟันเมื่ออายุ 2 ปี หรือต่ำกว่า ร้อยละ 79.7 ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ร้อยละ46.4 เคยกินยาสีฟันระหว่างแปรงฟัน และร้อยละ 31.8 ใช้ยาสีฟันทั่วไปซึ่งเป็นสูตรเดียวกับผู้ใหญ่ ประกอบกับยาสีฟันส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีการเติมสารฟลูออไรด์มากเกินไป จะส่งผลให้เกิดฟันตกกระซึ่งเป็นปัญหาความสวยงามของผิวฟันตามมาได้

นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปี 2545 กรมอนามัยได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องการกลืนยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในกลุ่มเด็ก 3-6 ปี พบว่าเด็กอายุ 3 ปี มักจะกลืนยาสีฟันเฉลี่ย 1 ใน 3 ของปริมาณที่ใช้ และอายุ 6 ปี กลืนยาสีฟัน1 ใน 4 ของปริมาณที่ใช้ นอกจากนี้พบว่าเด็กบางคนกลืนยาสีฟันที่ใช้ในปริมาณที่มากกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณที่ใช้แต่ละครั้ง ซึ่งกลืนแบบไม่ตั้งใจ

“เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กกลืนยาสีฟันในขณะแปรงฟัน นอกจากผู้ปกครองต้องสอนให้เด็กเข้าใจและรับรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นตามมาภายหลัง ถ้าบีบยาสีฟันต้องลงบนตามขวางแทนบีบตามยาว โดยให้ปริมาณยาสีฟันขนาดเมล็ดข้าวโพด”

อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า วิธีดังกล่าวเป็นการควบคุมไม่ให้เด็กกลืนยาสีฟันปริมาณมากเกินไปขณะแปรงฟัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ปกครองที่เปรียบเสมือนครูคนแรกของลูกในการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ สอนให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกวิธีและใช้ยาสีฟันในปริมาณที่เหมาะสม