xs
xsm
sm
md
lg

อย.ทลายแหล่งเครื่องสำอางผิดกม.กลางกรุง พบ "อเมลิต้า บิวตี้" สุดอันตราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อย.ทลายแหล่งผลิต - จำหน่ายเครื่องสำอางผิดกฎหมายรายใหญ่กลางกรุง มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เผยยี่ห้อ "อเมลิต้า บิวตี้" สุดอันตรายผสมสารห้ามใช้ เครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย ฉลากไม่ถูกต้อง ไม่ระบุแหล่งผลิต ยึดของกลาง พร้อมดำเนินคดีกับผู้ผลิตชาวฟิลิปปินส์ทันที เตือนผู้บริโภคระวังอย่าตกเป็นเหยื่อซื้อมาใช้

วันนี้ (2 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย ภก.มานิตย์ อุรณากูร รองเลขาธิการอย. ภก.พงศ์ประพันธ์ สุสัณฐิตพงษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มเครื่องสำอาง และ ภญ.ยุพา เตียงธวัช เภสัชกร 8 วช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผกก. และ พ.ต.ท.สรเสริญ ใช้สถิต รอง ผก.ป. , พ.ต.ท.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ รอง สว.สป. ร.ต.ท. วรพงศ์ สืบศิรินาม รอง สว.สป. และ ร.ต.ต.วันเผด็จ หงษ์ทอง รอง สว.สป. พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนปราบปรามนำหมายค้นของศาลจังหวัดพระโขนงเข้าตรวจค้นบริษัท อเมลิต้า จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 62/10 ถนนสุขุมวิท 49/6 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ และที่ LD แมนชั่น เลขที่ 66/2 ซอยพร้อมพรรค แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ที่มี นางอเมลิต้า มณีชัยฤทธิกุล ชาวฟิลิปปินส์ อายุ 59 ปี เจ้าของบริษัทฯ พบว่ามีการผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

“ ก่อนหน้านี้ อย.ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า เครื่องสำอางยี่ห้อ “อเมลิต้า บิวตี้” ว่าเป็นเครื่องสำอางไม่ปลอดภัย อย.จึงประสานกับสน.ทองหล่อในการติดตามดูพฤติกรรมนานนับเดือน ซึ่งเมื่อเข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าวข้างต้น พบวัตถุดิบที่ใช้เป็นสารห้ามใช้ ไฮโดรควิโนน กรดเรทิโนอิกและสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอางรวมถึงอุปกรณ์การผลิตเครื่องสำอาง ได้แก่ เครื่องปั่น หม้อบรรจุ ที่ตักสารเคมี ถ้วยตวง เป็นต้น นอกจากนี้พบเครื่องสำอางสำเร็จรูปจำนวนหลายรายการ อาทิ โลชั่นบำรุงผิว ครีมป้องกันฝ้า ฯลฯ โดยได้ยึดของกลางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท” ภก.มานิตย์ กล่าว

ภก.มานิตย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อย.ได้ประสาน สน.ทองหล่อเพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ในความผิด 2 ข้อหา ฐานผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษฐานผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางที่มีการควบคุมฉลาก โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“อย. ขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อดังกล่าวมาใช้อย่างเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากสารห้ามใช้ เนื่องจาก ไฮโดรควิโนน ทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดจุดด่างขาวที่หน้า ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย และกรดเรทิโนอิกหรือกรดวิตามินเอ ทำให้หน้าแดง แสบร้อนรุนแรง เกิดการอักเสบ ผิวหน้าลอกอย่างรุนแรง และเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์” ภก.มานิตย์กล่าว

ภก.มานิตย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ขอให้สังเกตฉลากก่อนซื้อเป็นลำดับแรก ซึ่งฉลากที่ถูกต้องจะต้องมีภาษาไทย มีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ และควรเลือกซื้อจากบริษัทหรือร้านที่น่าเชื่อถือ ไม่ควรซื้อเพราะคำโฆษณาและขอฝากไปยังผู้บริโภค หากพบเห็นหรือสงสัยแหล่งผลิตเครื่องสำอางที่ ผิดกฎหมาย หรือพบเครื่องสำอางที่น่าสงสัยว่าจะไม่ปลอดภัยในการใช้ ขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่ สายด่วน อย. 1556 หรือที่หมายเลข 02 590-7354 หรือแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ ที่พบการกระทำผิด เพื่อ อย. จะได้ดำเนินการกับเครื่องสำอางผิดกฎหมายให้หมดไปจากท้องตลาดโดยเร็วที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นชาวฟิลิปปินส์เดินทางเข้าออกนอกประเทศบ่อยครั้ง จึงจะขยายผลการจับกุมกับผู้ร่วมดำเนินการทำเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมต้องห้ามดังกล่าวต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นคงจะต้องดำเนินคดีในประเทศไทย เนื่องจากพบว่า ผู้ต้องหามีสามีเป็นคนไทย โดยตรวจสอบว่ามีการจดทะเบียนสมรสหรือไม่ รวมถึงต้องใช้เวลาตรวจสอบหลักฐานใบอนุญาตการผลิต การนำเข้าสารต้องห้าม รวมถึงนำเครื่องสำอางของกลางตรวจทดสอบ และส่งคืนให้มีการทำลายต่อไป

นางอเมลิต้า กล่าวว่า เป็นนางพยาบาลในโรงพยาบาลสหรัฐฯมา 20 กว่าปีแล้ว พอแต่งงานกับสามีชาวไทยที่เป็นผู้จัดการร้านจิวเวอรี่ ก็ได้มาทำเครื่องสำอางโดยจดตั้งเป็นบริษัทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และทำเครื่องสำอางมานาน 3-5 ปีแล้ว โดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่าสารทั้ง 2 ชนิดเป็นสารต้องห้ามในการเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง
กำลังโหลดความคิดเห็น