xs
xsm
sm
md
lg

โปรดฟังเสียงจาก “เด็กนอกกระแส”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนที่ถูกมองว่าอยู่นอกกระแส
หลายคนคงเบื่อหน่ายกับ ความน่ารำคาญของกลุ่มเด็กแว้น กลุ่มซิ่งกวนเมือง จนถึงกลุ่มเด็กที่ชอบความรุนแรง ยกพวกตีกัน ทำร้ายร่างกายกันจนถึงแก่ความตายตามที่เป็นข่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่า จุดจบของเยาวชนกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยการถูกควบคุมตัว เข้าไปดัดนิสัยยังสถานพินิจ และจากพฤติกรรมเหล่านี้พวกเขาจึงถูกขีดเส้นตีตราให้เป็น “เยาวชนนอกกระแส” ในสายตาของคนในสังคม คำถามจึงมีตามมาว่า ทำอย่างไรจึงจะจัดการกับเยาวชนพวกนี้ให้เลือกเดินในเส้นทางที่อยู่ในกระแสอีกครั้ง

  • สังคม-ผู้ใหญ่ ปัจจัยผลักออกนอกกระแส

    อาจารย์ธนา ผินกลับ หัวหน้าฝ่ายกิจกรรม ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก จ.กาญจนบุรี ผู้ซึ่งมีความใกล้ชิดเป็นอย่างดีกับเยาวชนกลุ่มเสี่ยงนี้ ได้ให้คำอธิบายในเรื่องดังกล่าวว่า เยาวชนกระแสหลัก คือเยาวชนที่เป็นคนทำกิจกรรม อย่างที่พบเห็นกันทั่วไป เช่น เด็กกิจกรรม ทำหน้าที่เป็นประธานนักเรียน นักศึกษา ประธานชมรมต่างๆ จนรวมถึงเด็กที่ให้ความร่วมมือกับสถานศึกษา ทำกิจกรรมเป็นหลัก มีบทบาททั้งจากภาครัฐ และเอกชน

    ในทางกลับกันหากเป็นเยาวชนนอกกระแส คือ กลุ่มเยาวชนที่ขาดโอกาสที่จะลุกขึ้นมาแสดงบทบาทในกิจกรรมที่เด็กคนอื่นได้ทำกัน เป็นเด็กที่ด้อยโอกาส รวมไปถึงเยาวชนที่ต้องโทษ โดนคดี ใช้ชีวิตส่วนหนึ่งอยู่ภายในสถานพินิจ จนอาจจะตีความรวมไปถึงกลุ่มเด็กท้ายห้อง เด็กเกเร เด็กซิ่งรถ เด็กแว้น ซึ่งเด็กเหล่านี้จะโดนสังคมตีความว่าเป็นเด็กเหลือขอ สร้างภาระให้สังคม ไม่มีใครต้องการ แต่ความจริงแล้วพวกเขาได้ขาดการเอาใจใส่ที่ดีพอจากสังคม
    พฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนที่ถูกมองว่าอยู่นอกกระแส
    โดยเฉพาะภายในโรงเรียนก็ไม่มีพื้นที่ให้กับเด็กกลุ่มนี้ได้แสดงออก ซึ่งส่วนใหญ่จะให้การสนับสนุนแต่เด็กที่มีความสามารถ เด็กที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ แต่หากมองในเรื่องของสิทธิพวกเขาก็ควรได้รับการเอาใจใส่เช่นกัน ทำให้เด็กต้องไปหาพื้นที่ในการแสดงออกที่ไม่ถูกต้องและเป็นปัญหาตามมา

    สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานั้น อ.ธนา บอกอีกว่า ปัญหาที่เกิดกับเยาวชนนอกกระแส ไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเสมอไป แต่เกือบทั้งหมดมาจากผู้ใหญ่และครอบครัวเป็นสำคัญ เพราะเด็กเกิดมาเปรียบเหมือนแก้วน้ำเปล่าๆ ถ้าเติมนมลงไปก็เป็นแก้วนมที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่หากเติมยาพิษลงไป ก็จะกลายเป็นแก้วยาพิษทันที

    สิ่งแวดล้อมเหล่านี้เองที่เป็นตัวบ่มเพาะให้เด็กต้องเติบโตมาท่ามกลางปัญหา และมีอิทธิพลต่อเขาในอนาคต จึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีทั้งครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่คอยเติมสิ่งดีๆ ให้แก่เด็ก แต่บางครอบครัวก็ไม่มีโอกาสที่จะหาสิ่งดีๆ ให้แก่เด็กได้ เหตุผลมีทั้งฐานะทางครอบครัวที่ต้องปากกัดตีนถีบ หาเช้ากินค่ำ ไปวันๆ จึงไม่มีเวลามาเติมเต็มให้ลูกมากพอ
    พฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนที่ถูกมองว่าอยู่นอกกระแส
    “ภาพสังคมที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็พัฒนาไปตามโครงสร้างปกติ พัฒนาไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าการพัฒนานั้นเป็นไปทางบวกหรือลบ แต่ว่าเด็กที่เกิดมา ณ ตอนนี้ได้มาซึมซับสภาพสังคมปัจจุบันก็หนีไม่พ้น และเด็กเองก็ต้องตามกระแสสังคม อีกอย่างคือ บทบาทของครอบครัวทุกวันนี้มีน้อยลง ทำให้เยาวชนต้องทำตามกระแสสังคมมากขึ้น ทุกวันนี้ครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญมาก แต่คนไทยกลับไม่ให้ความสำคัญ ครอบครัวคนไทยเป็นครอบครัวใหญ่หากไม่มีพ่อแม่ เด็กก็อยู่กับปู่ย่า ตายาย ญาติพี่น้อง ซึ่งบางครอบครัวไม่มีตรงนี้ เมื่อไม่มีพ่อแม่ เด็กก็จะมุ่งไปหาเพื่อน ฉะนั้นต้องพยายามทำให้สถาบันครอบครัวกลับมาสำคัญอีกครั้ง” อ.ธนา ให้ภาพ

  • คืนสู่อ้อมกอดครอบครัว

    จากการที่ได้อยู่ ได้คลุกคลีอยู่กับเยาวชนที่เคยหลงผิดมานั้น อ.ธนา สะท้อนความคิดเห็นให้ฟังว่า เด็กที่เข้ามาล้วนแล้วไม่อยากทำผิดทั้งสิ้น หลายคนทำไปด้วยความคึกคะนอง ตามเพื่อน ขาดการยั้งคิด แต่เมื่อพวกเขาสำนึกผิดและคิดได้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

    ทั้งนี้ สิ่งที่จะยืนยันได้ดีที่สุด คือ ครอบครัว จะเห็นได้จากเมื่อเด็กมีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านพวกเขาจะมีมารยาทขึ้น จากที่เคยก้าวร้าวกลับลดลง มีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยที่บ้านกาญจนาฯ จะทำงานควบคู่ไปกับเครือข่ายครอบครัว ในการมีส่วนร่วมรับรู้ปัญหาของตัวเด็ก เพราะเมื่อเด็กเป็นอิสระออกไปเขาก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตในครอบครัว และสังคมเดิมของเขา หากครอบครัวดูแลไม่ได้ เขาจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นในช่วงที่เขาอยู่ในการดูแลของเรา จึงต้องพยายามดึงครอบครัวลงมาทำงานด้วยกันให้มาก ทำอย่างไรให้เขาควบคุมลูกได้ ต้องมีทางออกให้ครอบครัว ฉะนั้นสิ่งที่บ้านกาญจนาฯ ทำจึงมีแนวทาง 3 ส่วน คือ 1.พัฒนาที่ตัวเด็กให้ดี 2.สร้างการยอมรับให้ครอบครัว และ 3.การร่วมมือกันจากทุกฝ่ายในการแก้ปัญหา
     อาจารย์ธนา ผินกลับ
  • นำประสบการณ์เลวร้าย คอยเตือนสติ

    ทางฝั่งของเยาวชนที่เคยโดนตราหน้าว่าเป็นเด็กนอกกระแส แต่ในวันนี้เขาพร้อมที่จะออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่าง “ตั้ว” หนุ่มวัย 21 ปี เจ้าของคดีปล้น จี้ และรุมโทรม ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และในไม่ช้านี้เขาก็จะเป็นอิสระ สะท้อนเรื่องราวให้ฟังว่า เดิมตนเองเป็นคนเรียบร้อย เงียบๆ แต่คนในครอบครัวจะไม่ค่อยพูดคุยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพ่อ เมื่อมีปัญหาอะไรจะคุยกับแม่มากกว่า ทำให้แม่คือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต

    แต่เมื่อวันหนึ่งที่แม่ต้องจากไป จึงเกิดความรู้สึกสูญเสีย ท้อแท้เป็นอย่างมาก ทางเลือกที่เดินคือเข้าหาเพื่อนจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลับทำตัวเกเร ติดยาเสพติด กระทั่งเหิมเกริมหนักจนก่อเหตุปล้นจี้ และรุมโทรมหญิง เป็นเหตุให้โดนจับเข้ามาอยู่ในสถานพินิจในเวลาต่อมาด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี
    ตั้ว (ขวา) ขณะสะท้อนภาพเรื่องราวเลวร้ายในอดีต
    “สิ่งที่ผ่านมาถ้าจะให้ลืมคงลืมไม่ได้ แต่จะไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาตอกย้ำตัวเอง คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้อีกแล้ว ทำให้ตอนนี้เมื่อคิดจะทำอะไรต้องคิดอย่างถี่ถ้วน ว่าผลพวงของชีวิตจะเป็นอย่างไร ขณะที่เมื่อก่อนจะทำอะไรไม่เคยคิด คิดแต่ว่าสนุก สะใจ แต่ไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ความจริงสถานพินิจคงไม่มีใครอยากจะเข้า แต่เข้าไปแล้วก็ได้อะไรที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเจอมาก่อน ทำให้เราได้มีเวลาหยุดคิดว่าครั้งหนึ่งเราเคยเจออะไร เคยทำอะไร ผลที่ตามมาได้อะไรมาบ้าง”

    “เมื่อมีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านก็มีทั้งคนให้กำลังใจ และคนด่าซ้ำเติม แรกๆ ก็รู้สึกโกรธมากที่มีคนพูดเช่นนั้น แต่ก็ยอมที่จะโดนด่า ยอมเป็นผู้แพ้เพื่อชนะภายหลัง เพราะทำอะไรออกไปอีกปัญหาก็จะไม่จบไม่สิ้น จึงอยากฝากเยาวชนที่กำลังหลงผิดอยู่ในตอนนี้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเพียงแค่การตัดสินใจทำอะไรเพียงครั้งเดียว จะส่งผลต่อเรายาวมาก เมื่อจะทำอะไรให้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาด้วย แล้วเราจะไม่เสียใจในสิ่งที่เราทำลงไป” ตั้ว ฝากข้อคิด

    มาถึงตรงนี้ อ.ธนา ฝากทิ้งท้ายด้วยว่า เยาวชนในปัจจุบันจะเป็นไปตามกระแสที่เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้นจึงอยากฝากไปถึงผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง ที่มีบทบาทในการทำงานกับเด็กต้องคิดให้มาก ในการพยายามหากิจกรรมต่างๆ มาสื่อสารให้เด็กคิดเป็น ไม่ได้มุ่งหากิจกรรมเพื่อพัฒนาความเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เขาคิดเพื่อสามารถอยู่รอดได้ในสังคมยุคนี้ได้ เด็กไม่ได้ถูกสอนให้หัดคิด แต่ถูกสอนให้ทำตาม ดังนั้น ต้นแบบอย่างผู้ปกครองจึงควรอยู่ในทิศทางที่ดี เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชนในวันข้างหน้า


  • กำลังโหลดความคิดเห็น