ปัญหาสุนัขจรจัดในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร ดูเผินๆ เหมือนเป็นปัญหาที่ไม่ร้ายแรง แต่กลับเป็นปัญหาที่สร้างความยุ่งยากได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งในด้านของความไม่สะอาดของพื้นที่ จากการคุ้ยขยะจากฝีมือเจ้าตูบเร่ร่อน หรือความสกปรกจาก “ทุ่นระเบิด” ที่สุนัขจรจัดขับถ่ายออกมาให้คนเดินถนนคอยยกเท้าหลบกันจ้าละหวั่น ไม่เว้นแม้แต่อันตรายจากคมเขี้ยวที่พร้อมจะกัดคนแปลกหน้าที่มันคิดว่าจะเข้ามาทำร้าย รวมไปถึงโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนอย่างพิษสุนัขบ้า
ความจริงของหมาเมืองกรุง
จากประเวศสู่ทัพทัน
พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักควบคุมโรค กรุงเทพมหานคร เผยข้อมูลจำนวนสุนัขทั้งหมดในกรุงเทพฯ ว่า จากการสำรวจเมื่อ พ.ศ.2542 พบว่า มีสุนัขบ้านที่มีเจ้าของเลี้ยงดูอยู่ประมาณ 600,000 ตัว มีสุนัขจรจัดที่เพ่นพ่านอยู่ตามท้องถนนกทม.อยู่ราวๆ 100,000 ตัว ต่อมาในปี พ.ศ.2547 ได้มีการสำรวจอีกครั้ง พบว่า สุนัขบ้านที่มีเจ้าของเลี้ยงดู ได้เพิ่มปริมาณเป็น 700,000 ตัว และสำหรับสุนัขจรจัดเพิ่มจำนวนเป็น 300,000 ตัวแล้ว
“จำนวนสุนัขจรจัดที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น เกิดจาก 2 ประการสำคัญ คือ จากการแพร่พันธุ์เกิดเป็นลูกสุนัขใหม่ และการที่เจ้าของสุนัขบ้านปล่อยปละละเลยทำให้สุนัขเลี้ยงออกมาจากบ้าน กลายมาเป็นสุนัขจรจัด และในบางกรณีก็เกิดจากเจ้าของจงใจนำสุนัขมาทิ้งไว้เองด้วย”
รอง ผอ.สำนักควบคุมโรค กทม.อธิบายเพิ่มเติมว่า ทาง กทม.มีหน่วยเฉพาะกิจออกปฏิบัติการทำหมันสุนัขจรจัดหลายพื้นที่ทั่ว กทม.เป็นการสกัดมิให้สุนัขจรจัดแพร่พันธุ์ออกมาเป็นสุนัขจรจัดรุ่นต่อไปอีก และในขณะเดียวกัน เมื่อมีผู้แจ้งเหตุการณ์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากสุนัข กทม.ก็จะมีหน่วยออกไปจับสุนัขเหล่านั้นมา หากมีเจ้าของและเจ้าของเดินทางมารับ กทม.ก็จะคืนให้ไป แต่ถ้าเป็นสุนัขจรจัด ก็จะมีการส่งสุนัขไร้เจ้าของเหล่านั้น เข้าไปในศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดที่ตั้งอยู่ในเขตประเวศ
“แต่ศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดของเขตประเวศก็มีพื้นที่นิดเดียว” พญ.วันทนีย์ สรุป
...และนี่เองเป็นที่มาของการก่อตั้งศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี โครงการเพื่อสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไร้คนเหลียวแล
ด้านตัวแทนฝั่งเจ้าภาพใหญ่อย่าง วรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัด กทม.ให้ข้อมูลว่า ศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตอำเภอทัพทัน จ.อุทัยธานี อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครราว 250 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 231 ไร่ มีคอกสำหรับรองรับดูแลสุนัขจรจัด 16 คอก สามารถรับสุนัขได้คอกละ 500 ตัว และในขณะนี้ศูนย์นี้สามารถรองรับดูแลสุนัขจรจัดได้ทั้งสิ้น 8,000 ตัว
“งบประมาณในการจัดสร้างศูนย์ทั้งสิ้นประมาณ 220 ล้านบาท เริ่มโครงการตั้งแต่ 26 ธันวาคม 2546 และสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2548 ใช้เวลาจัดสร้าง 2 ปี เริ่มนำสุนัขจรจัดมาพักพิงในศูนย์นี้ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2548 ปัจจุบันมีสุนัขจรจัดในศูนย์ 2,700 ตัว” รองปลัด กทม.กล่าว
ฝึกหมาเร่ร่อนให้เป็นหมานิสัยดี
ภายหลังการให้ข้อมูล เจ้าหน้าที่ก็นำชมบริเวณศูนย์พักพิงในส่วนของโรงเรือนรองรับสุนัขจรจัด ที่ก่อนหน้านี้หลายคนออกจะกังวลเกี่ยวกับสภาพความสะอาด รวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แต่เมื่อได้ประสบด้วยตัวเองแล้วปรากฏว่า ทั้ง 16 คอกขนาดใหญ่เหล่านี้มีระบบการถ่ายเทอากาศที่ดี และมีการจัดตารางการทำความสะอาดอย่างขันแข็ง ทำให้คอกไม่อับสกปรก และไม่มีกลิ่นรุนแรงอย่างที่กังวลกันก่อนหน้านี้ และที่น่าประทับใจก็คือ คนงานทั้ง 85 ชีวิต ที่ทำงานให้แก่ศูนย์ ยังได้เจียดเวลาทำงานมาช่วยกันจัดสวนปรับภูมิทัศน์ที่บริเวณสวนหย่อมหน้าคอกที่ตัวเองรับผิดชอบจนสวยงามทุกคนอีกด้วย
และเมื่อเอ่ยถึงศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด บุคลากรสำคัญที่จะขาดไปเสียมิได้ ก็คือ สัตวแพทย์ประจำศูนย์ ที่จะคอยดูแลสุขภาพของเจ้าตูบเหล่านี้ น.สพ. ปริญญา ภวภูตญาณชัย ให้ข้อมูลว่า สุนัขทุกตัวที่นี่จะได้รับการทำหมันและฉีดวัคซีนมาแล้วจากศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดเขตประเวศ เมื่อถูกนำส่งมายังศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด อ.ทัพทัน แห่งนี้ ก็จะมีสัตวแพทย์คอยดูแลด้านสุขภาพเป็นประจำ และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลคอกให้สะอาดถูกสุขอนามัย
สำหรับอาหารการกินของเจ้าตูบเหล่านี้ สัตวแพทย์ประจำศูนย์เล่าให้ฟังว่า จะให้อาหารวันละ 1 มื้อ ในปริมาณที่คำนวณแล้วว่าพอเพียงสำหรับสุนัข ซึ่งสุนัขส่วนใหญ่ที่มาถึงศูนย์หลายตัวมีสภาพผอมโซ แต่เมื่ออยู่ที่ศูนย์ไปได้ระยะหนึ่งก็จะอ้วนขึ้น และแข็งแรงขึ้น
สำหรับแต่ละวันภายในศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด อ.ทัพทัน นี้ พี่สมชาย เชื้อกสิกรรม วัย 35 ปี หนึ่งในคนงานประจำศูนย์ เล่าว่า แต่ละคนก็จะมีหน้าที่ไม่แตกต่างกันนัก เริ่มจากตอนเช้า ภายหลังเคารพธงชาติ 08.00 น.ก็จะทำความสะอาดและล้างคอกสุนัข จากนั้นพี่สมชายกับคนงานผู้ได้เรียนวิธีการฝึกสุนัขอย่างถูกต้องแล้วทั้งหมด ก็จะร่วมกันฝึกสุนัขที่ได้รับการคัดมาแล้วว่าฉลาดเป็นเวลา 1 ชม.เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่สุนัข หลังจากฝึกเสร็จ สัตวแพทย์ประจำศูนย์ก็จะเข้าไปในแต่ละคอกเพื่อตรวจร่างกายสุนัข รักษาสุนัขป่วย จากนั้นก็พักรับประทานอาหารเที่ยง
ส่วนภาคบ่าย จะเป็นช่วงของการจัดส่วน ตกแต่งหน้าคอก ปรับภูมิทัศน์รอบๆ คอก รวมถึงการปลูกต้นไม้เพิ่มเติม และถ้าเป็นช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวในตอนเย็นจะมีการฝึกสุนัขอีกรอบหนึ่งด้วย
“คนงานทั้ง 85 คน เป็นคนพื้นที่ครับ ผมคิดว่า การมาเปิดศูนย์พักพิงหมาจรจัดที่นี่ก็เป็นการสร้างงานให้คนทัพทันอย่างหนึ่ง เมื่อก่อนผมเปิดอู่ซ่อมรถ เป็นเจ้าของเอง แต่มันก็มีความเสี่ยงสูง แม้จะเล็กๆ มันก็เป็นธุรกิจ ที่ต้องลงทุน ต้องแบกรับความเสี่ยง ตอนหลังก็ปิดอู่ไป ตอนนี้มันทำงานที่ศูนย์ งานก็ไม่หนัก แถมได้โอกาสดีๆ หลายอย่าง งานฝึกหมาทางศูนย์ก็ออกค่าใช้จ่ายให้ไปอบรมกับศูนย์ฝึกสุนัขในค่ายทหาร จ.นครราชสีมา เราก็ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ติดตัว ตอนนี้ทำงานก็ได้เงินเดือน แม้จะไม่มาก แต่ผมไม่ใช่คนกินเหล้า ดังนั้นมันก็พอใช้แม้จะเหลือเก็บน้อยไปนิด แต่มันดีตรงที่ผมมีงานที่มีเงินเดือนประจำ”
พี่สมชาย เล่าถึงเรื่องการฝึกสุนัข ว่า เป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่สุนัขที่เดิมเป็นสุนัขจรจัด แต่จากประสบการณ์ที่ฝึกมา ปรากฏว่าสุนัขไทยแท้ๆ ข้างถนนก็ฉลาดไม่แพ้สุนัขสายพันธุ์ดีๆ จากต่างประเทศ ติดตรงที่ “หมาไทย” บ้านเราติดจะฉลาดแกมโกงอยู่สักหน่อย จึงออกอาการดื้ออยู่บ้าง แต่ยืนยันว่า ฝึกได้ และอยากเชิญชวน “คนรักหมา” ผู้ใจบุญที่กำลังมองหาเจ้าตูบน่ารักแสนรู้ และเตรียมกำเงินไปซื้อตามคอกตามฟาร์มว่า อยากให้ลองหันมามองตัวเลือกแบบฟรีๆ ไม่ต้องไปซื้อหา แถมมีบริการหัดให้ก่อนรับไปเลี้ยงอย่างสุนัขจรจัดในศูนย์พักพิงดูบ้าน เพราะพวกมันเหล่านี้ยังคงอยากได้ความรัก ความอบอุ่น ความเอาใจใส่จากเจ้าของอยู่เฉกเช่นเดียวกับ “หมาบ้าน” ตัวอื่นๆ เช่นกัน
ด้าน รองปลัด กทม.ยังได้ฝากทิ้งท้ายเพื่อทำความเข้าใจแก่สังคมเอาไว้ว่า ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการจัดการสุนัขจรจัด หลายคนคิดว่า กทม.จับหมาไปฆ่า หลายคนกล่าวหาว่าส่งขายไปยังประเทศที่บริโภคสุนัข หรือแม้กระทั่งข่าวลือที่นำหนังสุนัขไปทำถุงมือกอล์ฟ ซึ่งเหล่านี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะนโยบายของผู้ว่าฯ กทม. ขอให้ดำเนินการโดยใช้หลักเมตตาธรรม กทม.จึงขยายผลโครงการสร้างศูนย์พักพิงสุนัขเช่นนี้ ส่วนอัตราการตายของสุนัขในศูนย์ก็เป็นการตายแบบเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่มีการทารุณใดๆ ทั้งสิ้น
“อยากเชิญชวนให้มาดูความน่ารักของสุนัขจรจัดว่าพวกเขาน่ารักจริงๆ และได้รับการฝึกแล้ว อยากให้ผู้ใจบุญที่มีความพร้อมมารับไปเลี้ยง หากกำลังต้องการสุนัขอยู่ เพราะสุนัขเหล่านี้แม้จะได้รับการดูแลอย่างดีพอสมควรจากศูนย์ แต่ก็เชื่อว่าทุกตัวยังอยากมีเจ้านายที่ให้ความรักความอบอุ่น แล้วก็มีหลายๆ ท่านที่ทราบข่าวแล้วต้องการบริจาคอาหารเม็ดแก่สุนัข ก็อยากจะฝากประชาสัมพันธ์ไปว่า เรายินดีรับ เพื่อจะนำอาหารเหล่านั้นมาเลี้ยงสุนัขเหล่านี้ต่อไป” รองปลัด ทิ้งท้าย