“ไชยา” เกาะเก้าอี้แน่น ลั่นไม่ลาออก ยันไม่ผิด รอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น มั่นใจแง่กฎหมายแค่ตีความกฎหมายคนละมุม และผ่านไปได้ จี้ออกกฎหมายลูก รัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อเกิดแนวปฏิบัติชัดเจน
หลังจากนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องทำงานเป็นเวลานาน เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (8 เม.ย.) นายไชยา ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ที่บริเวณหน้าห้องทำงาน ชั้น 4 อาคารสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดย นายไชยา กล่าวว่า ขณะนี้คงต้องรอให้ 4 หน่วยงาน ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และประธาน กกต.ส่งเรื่องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา หากมีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้ตนมีความผิดจริงและให้พ้นจากตำแหน่ง ตนก็ยอมรับความผิดนั้น และจะออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทันที แต่ในระหว่างนี้ที่ยังไม่มีการชี้มูล ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและไม่ลาออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน
“ขณะนี้ยังไม่มีใครบอกให้ผมต้องลาออก ส่วนที่มีคนบอกว่าในแง่จริยธรรมต้องลาออก ต้องถามกลับว่าอะไรคือจริยธรรม กฎหมายไม่ได้ระบุไว้ ขณะนี้รู้สึกปกติดี ไม่มีความกดดัน หรือหนักใจ ซึ่งถ้าวันนี้ชื่อที่ถือหุ้นเกิน คือ นายไชยา ผมก็คงแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่วันนี้ผู้ถือหุ้นเกินเป็น นางจุไร ซึ่งเป็นภรรยาของผม ดังนั้น เรื่องของผมก็ไม่เหมือนกับผู้ว่าฯ กทม.ที่โดนกับตัวเอง จึงต้องเว้นวรรค แต่เป็นเรื่องของภรรยา ซึ่งผมได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดไป ตามมาตรา 263 ของกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญ ปี2540 ยืนยันว่า ผมไม่ได้บกพร่องโดยสุจริต แต่ได้ทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวด้วยว่า ขอยืนยันว่า หากยังไม่มีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่งก็จะทำงานต่อไป ตนมองว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องของกฎหมายที่ขึ้นอยู่กับมุมมอง และการตีความของแต่ละคน ไม่ได้โทษหรือน้อยเนื้อต่ำใจ ป.ป.ช.เพราะทุกคนทำต่างหน้าที่ของตนเอง อย่าไปมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ซึ่ง ป.ป.ช.ยังให้เกียรติ และนำกฎหมายเก่ามาพิจารณา ซึ่งในแง่กฎหมายตนมั่นใจว่าไม่ผิด และจะผ่านไปได้ ถือว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ชมรมแพทย์ชนบทเรียกร้องให้แสดงสปิริตด้วยการลาออกนั้น นายไชยา กล่าวว่า เรื่องอะไรผมต้องออก ผมไม่ผิด ก็ให้แพทย์ชนบทลาออกไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสิ
ต่อข้อถามว่า จะชี้แจงกับนายกฯ อย่างไร นายไชยา กล่าวว่า ขณะนี้นายกฯ ยังไม่ได้สอบถามกับตน แต่ในอนาคตได้เรียกตนไปชี้แจง ก็คงจะต้องเปิดรัฐธรรมนูญให้ดูว่าตนปฏิบัติตามมาตราใดบ้าง ส่วนจะมีการปรับ ครม.นั้น ถ้านายกรัฐมนตรีปรับให้ออกก็ต้องออก
“ถ้ามีโอกาสจะเสนอกับนายกฯให้นำเรื่องการเร่งออกกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญปี 50 เข้าที่ประชุม ครม.เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนให้ผู้ปฏิบัติยึดเป็นหลักให้มีความเข้าใจตรงกัน เพราะกฎหมายลูกเปรียบเสมือนลายแทง สภาผู้แทนฯ ต้องมีการอภิปรายเพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย เพื่อให้การตีความไม่คลาดเคลื่อน ดังนั้น อย่าเพิ่งพูดว่าเป็นเหยื่อของรัฐธรรมนูญเลย” นายไชยา กล่าว
