“คุณหญิงสุชาดา”แถลงผลปฏิบัติงานบนเก้าอี้อธิการบดีจุฬาฯ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เผยพอใจผลงานที่ทำไว้ทั้งหมด ให้คะแนนตัวเองและทีมงานผู้บริหาร 90 กว่าคะแนน หลังจากนี้จะสนองงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในโครงการต่างๆ ยันไม่เล่นการเมืองอย่างแน่นอน แม้จะมีพรรคการเมืองมาทาบทาม
วานนี้ (28 มี.ค.) คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงผลการปฏิบัติงาน 4 ปีที่ผ่านมาต่อผู้บริหาร คณาจารย์ และกรรมการสภามหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หอประชุมจุฬาฯ โดยคุณหญิงสุชาดา กล่าวว่า การแถลงผลการปฏิบัติครั้งนี้ เป็นการแถลงก่อนที่ตนจะหมดวาระในตำแหน่งอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยลงในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งผลการปฏิบัติงานตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เป็นผลงานของทีมงานผู้บริหารทั้งรองอธิการบดี ผู้ช่วยรองอธิการบดี และผู้อำนวยการสำนักต่างๆ
โดยในการเข้ารับตำแหน่งตนได้เสนอยุทธศาสตร์การบริหารจุฬาฯ : รายงานผลการปฏิบัติงานปี 2547-2551 ต่อสภามหาวิทยาลัยจุฬาฯ โดยแนวทางการการวางยุทธศาสตร์นั้น ตนมองไปที่ผลลัพธ์ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างกับจุฬาฯ และได้เชิญผู้บริหารมาประชุมร่วมกัน 2 ครั้งต่อปี ว่าต้องการให้จุฬาฯ เดินไปอยู่ตรงจุดไหน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบริหารงาน
คุณหญิงสุชาดา กล่าวต่อไปอีกว่า ยุทธศาสตร์ที่วางไว้ คือ จุฬาฯ ต้องมีความแข็งแกร่งทางวิชาการในระดับโลก หรือต้องเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก โดยให้ความสำคัญกับการจัดอันดับของ The time higher ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา จุฬาฯ ติดอยู่ในอันอับ 1 ใน 200 มหาวิทยาลัยของโลกมาโดยตลอด แม้ว่าอันดับของจุฬาฯ จะลดต่ำลงแต่หากพิจารณาคะแนนที่ได้จากเกณฑ์การประเมินจะพบว่า เราได้คะแนนเพิ่มขึ้นตลอดมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การประเมินตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่การมุ่งเน้นเรื่องการเป็นมหาวิทยาลัยของโลกเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างงาน สร้างคน โดยสนับสนุนให้งานวิจัย และบัณฑิตศึกษาเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านกลไกต่างๆ เช่น การเพิ่มทุนวิจัย 90 ปีจุฬาฯ เป็นต้น โดยในการทำวิจัยนั้นได้ขอให้เอานิสิตระดับปริญญาตรีเข้ามาช่วยงานวิจัยด้วย เป็นการพัฒนานิสิตของเราเอง และได้เก็บรวบรวมงานวิจัยทำคลังปัญญาเพื่อพัฒนาประเทศไทยไว้ ให้สามารถสืบค้นได้ง่าย โดยเชื่อมโยงกับคลังวิจัยของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศด้วย
อีกทั้งยังมีโครงการให้นิสิตปริญญาตรีได้เรียนปริญญาโทต่อเนื่อง และปริญญาโทต่อปริญญาเอกต่อเนื่อง เป็นการดึงเด็กของเราให้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เพราะที่ผ่านมามหาวิทยาลัยต่างประเทศมีแรงจูงใจให้เด็กของเราเข้าไปเรียนมากกว่า ขณะเดียวกันก็ได้เปิดโครงการสหศาสตร์ ซึ่งเป็นสาขาที่มีความสำคัญในอนาคต โดยขณะนี้ได้เปิดหลักสูตร Bio Medical Engineering และ Nano –Technology ไปแล้ว ยุทธศาสตร์อีกประการคือ การเป็นที่พึ่งทางวิชาการของสังคมไทยและภูมิภาค โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากห้องปฏิบัติการไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ จัดตั้งเงินทุนเพื่อพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาในกองทุนรัชดาภิเษกสมโภช และมีการขยายโอกาสการเรียนการสอนทางไกลไปสู่จังหวัดอื่น โดยได้เปิดศูนย์ของจุฬาฯ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหารต่างๆ ในจังหวัดน่าน
“สำหรับนิสิตของจุฬาฯ เราต้องการสร้างให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ และนำความรู้ไปใช้ได้ โดยเราต้องการพัฒนาบัณฑิตที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ นั่นคือมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เปิดหลักสูตรที่เชื่อมโยงกับชุมชนในภาคฤดูร้อนเพื่อให้เด็กได้รู้จักสังคมไทยมากขึ้น มีการรับรองการทำกิจกรรมของนิสิต และสร้างพื้นที่ให้นิสิตใช้ในการทำกิจกรรมและเรียนรู้ที่อาคารจามจุรี 9”อธิการบดีจุฬาฯ กล่าว
คุณหญิงสุชาดา กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการพัฒนาให้จุฬาฯ มีความทันสมัย และมีธรรมาภิบาลในการบริหาร โดยมีการวางระบบการจัดการทรัพยากรจุฬาฯ วางระบบการจัดการงบประมาณ การเงินการบัญชี ระบบพัสดุ และระบบบริหารงานบุคคล ซึ่งจุฬาฯ สามารถโอนทรัพยากรทั้งหมดได้ทันทีเมื่อ พ.ร.บ.จุฬาฯ ประกาศใช้ นอกจากนี้ในการบริหารงานของตน ได้เข้ามาดูแลจัดการเรื่องการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของจุฬาฯ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา มีผลงานที่จดสิทธิบัตร 6 ผลงงาน อนุสิทธิบัตร 9 ผลงาน และอยู่ระหว่างยื่นขอจดสิทธิบัตร 101 ผลงาน จดอนุสิทธิบัตร 16 ผลงาน สามารถสร้างรายได้ให้กับจุฬาฯ 17.2 ล้านบาทใน4 ปืที่ผ่านมา แต่ในอนาคตจะสร้างมูลค่าให้กับจุฬาฯ มหาศาลแน่นอน ส่วนการบริหารพื้นที่ของจุฬาฯ ได้มีการศึกษาและปรับปรุงค่าเช่าพื้นที่ อาทิ ย่านสยามสแควร์ สามย่าน มาบุญครอง ตามมูลค่าเพิ่มทางการตลาด ทำให้จุฬาฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
นอกจากนี้จุฬาฯ ได้สร้างจตุรัสจามจุรีบนพื้นที่ของจุฬาฯ เพื่อบริหารจัดการเองด้วย ซึ่งคาดว่าจุฬาฯ จะมีรายได้แต่ละปีเป็นพันล้าน แต่หากคิดตลอดระยะเวลาสัญญาที่ทำไว้กับภาคเอกชน 20 ปี จะมีมูลค่าหลักหมื่นล้าน โดยเอกชนจะจ่ายเงินให้กับจุฬาฯ เป็นรายงวด ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะถูกนำส่งคลังของจุฬาฯ โดยการเบิกใช้ต้องตั้งงบประมาณเสนอขอจากสภามหาวิทยาลัยจุฬาฯ ดังนั้น เงินทุกบาทจะถูกใช้เพื่อการศึกษาทั้งหมด
ทั้งนี้ ตนได้ปรับปรุงสวัสดิการต่างของพนักงานมหาวิทยาลัย ให้มีการออมทรัพย์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จัดประกันสุขภาพกลุ่ม และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งการวางแผนกำลังคนของจุฬาฯ ในปี 2550-2554 ในอนาคต ได้วางแผนโดยได้ประชุมปฏิบัติการร่วมกับผู้บริหารและคณบดีคณะต่างๆ โดยกรอบอัตรากำลังของบุคลากรสายอาจารย์สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาหน่วยงานด้านวิชาการ ส่วนกรอบอัตราของบุคลากรสายสนับสนุนจะสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาหน่วยงานทางด้านวิชาการ
คุณหญิงสุชาดา กล่าวว่า หลังหมดวาระอธิการบดี จะสนองงานโครงการต่างๆ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และจะช่วยงานด้านวิชาการจุฬาฯ ในฐานะศิษย์เก่า แต่จะไม่เล่นการเมืองแน่นอน แม้จะมีพรรคการเมืองทาบทามมาแล้ว แต่ถ้าให้เป็นรัฐมนตรีก็ไม่แน่ ที่พูดอย่างนี้เพราะรู้ว่าไม่มีใครให้เป็นแน่ ถ้าให้ประเมินผลงานตัวเองและคณะผู้บริหารระดับสูง ตนให้คะแนนกว่า 90 % เพราะทุกคนทำงานหนักและทุ่มเทมาตลอด 4 ปี ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในทุกด้าน ทั้งนี้จะมีการส่งมอบตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ กับนพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ คนใหม่ ในวันที่ 31 มีนาคมซึ่งตนไม่มีเรื่องห่วงใยที่ต้องฝากอธิการบดีคนใหม่เพราะคนจุฬาฯ ทุกคนตระหนักในหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว