สปสช.ชี้ไม่มีการเสนอรายชื่อ “พินิจ-พลเดช-อำนวย” ในที่ประชุมบอร์ด หลังกฤษฎีกาตัดสินชี้ขาดแล้วว่าหมดสิทธิ์ เชื่อจะไม่มีปัญหาฟ้องร้องภายหลังแน่นอน
จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการมูลนิธิสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา นพ.พินิจ หิรัญโชติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม และกรรมการแพทยสภา และนพ.อำนวย กาจีนะ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อดีตรองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถือว่าขาดคุณสมบัติตามมาตรา 32 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 จึงไม่มีสิทธิ์เป็นเลขาธิการ สปสช. นั้น
วานนี้ (17 มี.ค.)นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ได้หารือสำนักงานกฤษฎีกาเพื่อขอความเห็นทางกฎหมายให้เป็นแนวทางให้กับคณะกรรมการสรรหา ในการสรรหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.โดยหลังจากนี้ ทาง สปสช.จะไม่มีการออกเป็นคำสั่งปกครองระบุให้ผู้สมัครทั้ง 3 ราย เป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้าม ตามที่ นพ.พินิจ เคยให้สัมภาษณ์ และในการคัดสรรตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีการออกคำสั่งปกครองแต่อย่างใด เพราะไม่มีความจำเป็น ทั้งนี้ เข้าใจว่า นพ.พินิจ คงจะเข้าใจเรื่องนี้ผิด
“ผลการวินิจฉัยของกฤษฎีกามีประโยชน์ต่อคณะกรรมการสรรหา ในการเสนอรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นเลขาธิการ สปสช. โดยเชื่อว่าจะไม่มีการเสนอรายชื่อของผู้สมัครทั้ง 3 ราย ต่อที่ประชุมบอร์ด (คณะกรรมการบริหาร) สปสช. และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาฟ้องร้องภายหลัง เพราะกฤษฎีกาถือเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย และคำวินิจฉัยถือเป็นที่สุดแล้ว” นพ.ประทีป กล่าว
ทั้งนี้ มีกำหนดประชุมบอร์ด สปสช.โดย นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นประธานบอร์ด เข้าร่วมประชุม เพื่อลงคะแนนเลือกเลขาธิการ สปสช.ในวันที่ 21 มีนาคมนี้ เวลา 11.00 น.ที่อาคาร สปสช.
จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการมูลนิธิสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา นพ.พินิจ หิรัญโชติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม และกรรมการแพทยสภา และนพ.อำนวย กาจีนะ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อดีตรองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถือว่าขาดคุณสมบัติตามมาตรา 32 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 จึงไม่มีสิทธิ์เป็นเลขาธิการ สปสช. นั้น
วานนี้ (17 มี.ค.)นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ได้หารือสำนักงานกฤษฎีกาเพื่อขอความเห็นทางกฎหมายให้เป็นแนวทางให้กับคณะกรรมการสรรหา ในการสรรหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.โดยหลังจากนี้ ทาง สปสช.จะไม่มีการออกเป็นคำสั่งปกครองระบุให้ผู้สมัครทั้ง 3 ราย เป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้าม ตามที่ นพ.พินิจ เคยให้สัมภาษณ์ และในการคัดสรรตำแหน่งเลขาธิการ สปสช.ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีการออกคำสั่งปกครองแต่อย่างใด เพราะไม่มีความจำเป็น ทั้งนี้ เข้าใจว่า นพ.พินิจ คงจะเข้าใจเรื่องนี้ผิด
“ผลการวินิจฉัยของกฤษฎีกามีประโยชน์ต่อคณะกรรมการสรรหา ในการเสนอรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นเลขาธิการ สปสช. โดยเชื่อว่าจะไม่มีการเสนอรายชื่อของผู้สมัครทั้ง 3 ราย ต่อที่ประชุมบอร์ด (คณะกรรมการบริหาร) สปสช. และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาฟ้องร้องภายหลัง เพราะกฤษฎีกาถือเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย และคำวินิจฉัยถือเป็นที่สุดแล้ว” นพ.ประทีป กล่าว
ทั้งนี้ มีกำหนดประชุมบอร์ด สปสช.โดย นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นประธานบอร์ด เข้าร่วมประชุม เพื่อลงคะแนนเลือกเลขาธิการ สปสช.ในวันที่ 21 มีนาคมนี้ เวลา 11.00 น.ที่อาคาร สปสช.
