หมอเด็กแฉพฤติกรรมเด็กไทยน่าห่วง เกือบ 90% ปิดเทอมตื่นเที่ยง ไม่ทำอะไร เล่นเน็ต ติดเกม กินข้าวเย็น เล่นเกมเล่นเน็ตต่อ ดึกดื่นเที่ยงคืนนอน ส่งผลโรคอ้วน สมองเฉี่อยชา กระบวนการคิดไม่พัฒนา บางกลุ่มคลั่งเรียนกวดวิชา เครียดสุดๆ แทนที่จะใช้เวลาพัฒนาทักษะชีวิต จวกผู้ใหญ่ไม่จัดกิจกรรมให้เด็กทำ ไม่เล่นเน็ตก็เดินห้าง
วานนี้ (17 มี.ค.) ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ในงานสัมมนา “สิทธิเด็กและเยาวชนที่เป็นผู้บริโภคในธรรมนูญสุขภาพแห่งชาติ” โดยมี สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 250 คน
นพ.สุริยเดว ทรีปาตี หัวหน้าคลินิกเพื่อนวัยทีน สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ขณะนี้วงจรชีวิตของเด็กนักเรียนในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะปิดเทอม กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยเด็กจะนอนดึกเที่ยงคืนตื่นเที่ยงวัน เมื่อตื่นมาก็ไม่มีอะไรทำ มาเล่นอินเทอร์เน็ต มาเล่นเกม จากนั้นก็กินข้าวเย็น และกลับไปเล่นเกมและอินเทอร์เน็ตต่อ ถึงดึกดื่นเที่ยงคืน จึงค่อยนอน เด็กในปัจจุบันกว่า 80-90%อยู่ในวังวนวัฎจักรเช่นนี้ ซึ่งเป็นทางนำสู่โรคภัยถามหาไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน สมองเฉื่อยชา ไม่โลดแล่น รวมไปถึงกระบวนทางความคิดไม่พัฒนา
“พ่อแม่เด็กในขณะนี้ก็จะบ้าคลั่งส่งลูกเรียนติวกวดวิชาอย่างเคร่งเครียดในตอนปิดเทอม แทนที่จะให้เด็กได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมนอกหลักสูตร เพื่อพัฒนากระบวนการคิด ทักษะการใช้ชีวิตที่โรงเรียนไม่ได้สอน จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สังคมไม่มีพื้นที่หรือจัดกิจกรรมให้กับเด็กในช่วงเวลาปิดเทอมที่พวกเขาจะได้กลับไปเรียนต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสังคมและผู้ใหญ่ควรเปิดพื้นที่ทางสังคมให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมแต่กลับไม่มีหน่วยงานใด ตั้งแต่ระดับกระทรวง ทบวง กรม แม้แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดกิจกรรมให้เด็กในช่วงดังกล่าว”นพ.สุริยเดว กล่าว
นพ.สุริยเดว กล่าวต่อว่า เมื่อเด็กตกอยู่ในวังวนนี้ ผลกระทบอย่างแรกคือเด็กจะเกิดภาวะอ้วน เพราะไม่ได้ออกกำลังกายใดๆเพราะกิน เล่นเกมและนอน ส่วนใหญ่จะน้ำหนักเพิ่มประมาณ 4-5 กิโลกรัม ซึ่งต้องยอมรับว่า ขณะนี้สถานศึกษาของเอกชนมีนักเรียนอ้วน และมีภาวะโภชนาการเกินประมาณ 30% ของนักเรียนทั้งหมดอีกทั้งการนอนในเวลาดึก ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนการเจริญเติบโตจะหลั่งในช่วงระหว่าง เที่ยงคืน-6 โมงเช้า หากเด็กยังไม่หลับลึกก็ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ด้วย
“ในช่วงเวลาปิดเทอมน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เด็กต้องสดใส มีกิจกรรมที่เรียนรู้นอกเหนือจากหลักสูตร อาทิ การมีกิจกรรมอ่านหนังสือให้คนพิการ หรือเท่าที่เคยพบเห็นคือการรวมกลุ่มกันพับถุงกระดาษเอาไปขาย กระบวนการทางความคิดจะเกิดขึ้น จะเกิดการเรียนรู้ว่าจะพับถุงให้มีคุณภาพดีได้อย่างไร คิดว่าจะไปหาที่ขายที่ไหน มีการตลาดอย่างไร เพียงเท่านี้ก็เป็นการฝึกสมองของเด็กแล้ว ดีกว่าการตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้ทำอะไร ก็ต้องตื่นสาย”นพ.สุริยเดว กล่าว
นพ.สุริยเดว กล่าวว่า แม้ว่าจะมีบริษัทเอกชนจัดกิจกรรมแข่งขัน แต่ก็เป็นการจัดกิจกรรมที่เน้นยี่ห้อ และกลุ่มของนักเรียนที่จะสามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกที่เยาวชนไทยกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศปิดเทอม แต่กลับไม่มีกิจกรรมให้เด็กเลย เมื่อตื่นขึ้นมาจึงนั่งอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็ออกจากบ้านไปเดินห้างเพราะไม่มีกิจกรรมจะทำ ซึ่งชุมชนน่าจะจัดกิจกรรมเสาร์อาทิตย์ หรือโรงเรียนก็สามารถเปิดพื้นที่ให้นักเรียนมาเล่นกีฬา หรือแม้แต่การจัดกิจกรรมออกกำลังกายแข่งขันกันในชุมชนก็ได้ หรือในส่วนของ กทม.ก็น่าเปิดพื้นที่ดีๆ อย่างพิพิธภัณฑ์ ดึงดูดให้เด็กและเยาวชนไปใช้บริการ
“หนักใจและเป็นห่วงเด็กไทย เพราะตราบใดที่ภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมของเด็ก พื้นที่ทางสังคมให้พวกเขาได้ฝึกคิด ฝึกใช้สมองมากกว่าการเล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ตไปวันๆ เมื่อย้อนหลังไป 20 ปีก่อน การพัฒนาการของเด็กก็ไม่เปลี่ยนแปลงจนทุกวันนี้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและน่าเป็นห่วงมากคือสิ่งแวดล้อม” นพ.สุริยเดว กล่าว