จบไปแล้วกับการประกวดแผนการตลาดระดับปริญญาตรี ในโครงการ J-MAT Award ครั้งที่ 17 ภายใต้หัวข้อ “ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่รับผิดชอบต่อสังคม” เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักการตลาดรุ่นใหม่ ซึ่งทีมผู้ชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้ได้แก่ ทีม “TU-Fit” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์ไปครองได้จากคู่แข่งกว่า 300 ทีมที่ส่งแผนการตลาดเข้าประกวดทั่วประเทศ ที่สำคัญ ทีม TU-Fit ยังประกอบด้วย 5 สาวนักศึกษาที่เรียนในสาขารัฐศาสตร์ล้วนๆ เสียด้วย

สำหรับสาวเก่งที่สามารถคว้าชัยชนะในครั้งนี้มาครอง ประกอบด้วย ตวงพลอย จิวาลักษณางกูร, นฤมล ศรีชัยพฤกษ์, วิรารัตน์ รัตนะ, บงกช รัตนพิทยาภรณ์ และ ณัฐนิช ราษฎร์ลือ โดยทั้งหมดกำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 4
นฤมล หรือ น้องเล็ก เปิดเผยถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “ต้องขอขอบคุณทางคณะกรรมการผู้จัดการประกวด ซึ่งได้แก่ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ จีอี มันนี่ มากๆ ค่ะ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากทุกคณะได้เข้าร่วมแข่งขัน ส่วนตัวแล้ว แม้รายชื่อของทีมจะเป็นนักศึกษารัฐศาสตร์ แต่พวกเราก็เลือกเรียนวิชาสาขาการตลาดเป็นวิชาโท แล้วพวกหนูเคยเรียนวิชาการวางแผนทางการตลาด กับอาจารย์วิทยา จารุพงษ์โสภณ ซึ่งท่านสอนดีมาก ทำให้สนใจงานด้านการตลาดมากขึ้นด้วยค่ะ”
“โจทย์ของการแข่งขัน คือ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่รับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งการที่เราเรียนด้านรัฐศาสตร์มา ทำให้เรามองปัญหาในภาพกว้าง เรามองไปถึงผู้บริโภค ว่าตอนนี้ผู้บริโภคประสบปัญหาอะไร ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ปัญหาของครอบครัวไทยก็คือการออม จะเห็นได้ว่าประชาชนที่มีรายได้ไม่มาก จะไม่ค่อยมีเงินออม ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา เนื่องจากเป็นหนี้ และไม่มีเงินใช้หนี้ค่ะ”
เมื่อได้ตัวการปัญหาแล้ว ทางกลุ่มจึงระดมสมองและออกมาเป็นแผนที่มีชื่อว่า “ทุกๆ การจ่ายของคุณกับเฟิร์สช้อยส์ คือ การออมของครอบครัว” โดยสร้างจุดแตกต่างจากสินเชื่อปกติได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
“สินเชื่อปกติ จะมีการคิดดอกเบี้ยจากผู้บริโภคใช่ไหมคะ อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ระหว่าง 24-28% แผนของเราจึงเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยที่ 28% แต่จะหักเงินจำนวนนี้มา 3% เข้ากองทุนรวมเอาไว้ เพื่อเก็บไว้เป็นเงินออมระยะยาวของผู้บริโภคคนนั้น และเขาสามารถมาถอนออกไปได้เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปีค่ะ” น้องเล็กชี้แจง และบอกว่าเหตุผลที่ต้องเก็บไว้นาน 3 ปี ก็เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกจงรักภักดีในแบรนด์ไปพร้อมกันด้วย
“คนส่วนใหญ่เลือกสมัครสินเชื่อจากความรวดเร็วในการอนุมัติ และวงเงินเป็นหลัก แต่ถ้าเขาเห็นว่า เงินที่เขาใช้ไป ส่วนหนึ่งย้อนกลับมาเป็นเงินออมของตัวเองในอนาคต เขาก็น่าจะสนใจผลิตภัณฑ์ที่เราเสนอไปมากขึ้นค่ะ”
เมื่อถามถึงการเรียนรัฐศาสตร์ส่งผลดีอย่างไรต่อการแข่งขัน น้องเล็ก เปิดเผยว่า “การเรียนรัฐศาสตร์มีส่วนช่วยมากค่ะ มันทำให้เรามองปัญหาได้กว้างขึ้น เราสามารถวิเคราะห์ธุรกิจได้กว้างมากขึ้น เพราะเราเรียนทั้งด้านประเมินผลโครงการ การศึกษาพฤติกรรมองค์กร นอกจากนั้น สิ่งสำคัญของการตลาดคือการสื่อสารคำพูดที่เราคิดออกมา การที่เราเป็นเด็กรัฐศาสตร์เลยทำให้เราสื่อสารได้สละสลวยมากขึ้นด้วยค่ะ”
สำหรับสาวเก่งที่สามารถคว้าชัยชนะในครั้งนี้มาครอง ประกอบด้วย ตวงพลอย จิวาลักษณางกูร, นฤมล ศรีชัยพฤกษ์, วิรารัตน์ รัตนะ, บงกช รัตนพิทยาภรณ์ และ ณัฐนิช ราษฎร์ลือ โดยทั้งหมดกำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 4
นฤมล หรือ น้องเล็ก เปิดเผยถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “ต้องขอขอบคุณทางคณะกรรมการผู้จัดการประกวด ซึ่งได้แก่ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ จีอี มันนี่ มากๆ ค่ะ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากทุกคณะได้เข้าร่วมแข่งขัน ส่วนตัวแล้ว แม้รายชื่อของทีมจะเป็นนักศึกษารัฐศาสตร์ แต่พวกเราก็เลือกเรียนวิชาสาขาการตลาดเป็นวิชาโท แล้วพวกหนูเคยเรียนวิชาการวางแผนทางการตลาด กับอาจารย์วิทยา จารุพงษ์โสภณ ซึ่งท่านสอนดีมาก ทำให้สนใจงานด้านการตลาดมากขึ้นด้วยค่ะ”
“โจทย์ของการแข่งขัน คือ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่รับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งการที่เราเรียนด้านรัฐศาสตร์มา ทำให้เรามองปัญหาในภาพกว้าง เรามองไปถึงผู้บริโภค ว่าตอนนี้ผู้บริโภคประสบปัญหาอะไร ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ปัญหาของครอบครัวไทยก็คือการออม จะเห็นได้ว่าประชาชนที่มีรายได้ไม่มาก จะไม่ค่อยมีเงินออม ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา เนื่องจากเป็นหนี้ และไม่มีเงินใช้หนี้ค่ะ”
เมื่อได้ตัวการปัญหาแล้ว ทางกลุ่มจึงระดมสมองและออกมาเป็นแผนที่มีชื่อว่า “ทุกๆ การจ่ายของคุณกับเฟิร์สช้อยส์ คือ การออมของครอบครัว” โดยสร้างจุดแตกต่างจากสินเชื่อปกติได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
“สินเชื่อปกติ จะมีการคิดดอกเบี้ยจากผู้บริโภคใช่ไหมคะ อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ระหว่าง 24-28% แผนของเราจึงเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยที่ 28% แต่จะหักเงินจำนวนนี้มา 3% เข้ากองทุนรวมเอาไว้ เพื่อเก็บไว้เป็นเงินออมระยะยาวของผู้บริโภคคนนั้น และเขาสามารถมาถอนออกไปได้เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปีค่ะ” น้องเล็กชี้แจง และบอกว่าเหตุผลที่ต้องเก็บไว้นาน 3 ปี ก็เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกจงรักภักดีในแบรนด์ไปพร้อมกันด้วย
“คนส่วนใหญ่เลือกสมัครสินเชื่อจากความรวดเร็วในการอนุมัติ และวงเงินเป็นหลัก แต่ถ้าเขาเห็นว่า เงินที่เขาใช้ไป ส่วนหนึ่งย้อนกลับมาเป็นเงินออมของตัวเองในอนาคต เขาก็น่าจะสนใจผลิตภัณฑ์ที่เราเสนอไปมากขึ้นค่ะ”
เมื่อถามถึงการเรียนรัฐศาสตร์ส่งผลดีอย่างไรต่อการแข่งขัน น้องเล็ก เปิดเผยว่า “การเรียนรัฐศาสตร์มีส่วนช่วยมากค่ะ มันทำให้เรามองปัญหาได้กว้างขึ้น เราสามารถวิเคราะห์ธุรกิจได้กว้างมากขึ้น เพราะเราเรียนทั้งด้านประเมินผลโครงการ การศึกษาพฤติกรรมองค์กร นอกจากนั้น สิ่งสำคัญของการตลาดคือการสื่อสารคำพูดที่เราคิดออกมา การที่เราเป็นเด็กรัฐศาสตร์เลยทำให้เราสื่อสารได้สละสลวยมากขึ้นด้วยค่ะ”