“อภิรักษ์” ยันก่อนหมดวาระ เปิดทดลองเดินรถส่วนต่อขยายสีลม 2.2 ก.ม.ส.ค.นี้บริการฟรี 3-6 เดือน โดยขอใช้ไฟบีทีเอสในช่วงทดลองเดินรถ พร้อมตั้งจุดส่งเสริมการท่องเที่ยวฝั่งธนฯ และเปิดให้บริการ BMA Express Service ที่สถานีวงเวียนใหญ่
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ณ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เกี่ยวกับการติดตามงานด้านการจราจรและขนส่ง ว่า ในการประชุมคณะผู้บริหารครั้งนี้ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการรถไฟฟ้ากรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม และสายสุขุมวิท ซึ่งในสายสีลมระยะทาง 2.2 กม.งบประมาณ 2,394 ล้านบาท ขณะนี้มีความคืบหน้าในงานวางรางและสถานีแล้วเสร็จแล้ว งานระบบอาณัติสัญญาณ (Signalling System) วงเงิน 368 ล้านบาท จะมีการลงนามในสัญญากับ บ.บอมบาดิเอร์ ในวันศุกร์ที่ 29 ก.พ.นี้
ส่วนอีก 4 ระบบ วงเงิน 675 ล้านบาท ได้แก่ ระบบสื่อสาร (Communication System) ระบบจ่ายไฟฟ้า (Power Supply System) ระบบควบคุมและจัดเก็บข้อมูล (SCADA System) และระบบประกอบอาคารที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบรถไฟฟ้า (Railway System Specific Building Service) จะมีการลงนามสัญญากับกลุ่มบริษัท เอเอที คอนโซเตี้ยม ไม่เกินวันที่ 14 มี.ค.นี้ ส่วนการจัดหาระบบตั๋วอยู่ในขั้นตอนการจัดจ้าง โดยมีเป้าหมายว่าจะดำเนินการติดตั้งระบบพร้อมกับระบบอาณัติสัญญาณ พร้อมใช้งาน ภายในปี 2551 อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.จะต้องมีการทดลองเดินรถอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะสามารถทดลองเดินรถได้ประมาณเดือน ส.ค.2551-ปลายปี 2551 นอกจากนี้ ในส่วนของสถานีวงเวียนใหญ่จะมีการเปิดเพื่อให้บริการทำบัตรประชาชน เหมือนที่เปิดให้บริการที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น ในส่วนต่อขยายจากตากสิน-บางหว้า 5.3 กม.งบประมาณ 7,055 ล้านบาท มีการก่อสร้างทางวิ่งยกระดับแล้วเสร็จ 4.5 กม.ต้องขยายเพิ่มอีก 800 เมตร อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อทางยกระดับ สถานี วางราง และระบบเดินรถ ทั้งนี้ ตนจะนำคณะผู้บริหาร กทม.ลงพื้นที่ตรวจการดำเนินการในวันเสาร์ที่ 1 มี.ค.นี้ ด้านส่วนต่อขยายสายหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 13 กม.งบประมาณ 14,737 ล้านบาท และส่วนต่อขยายสุขุมวิทจากแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 14 กม.งบประมาณ 14,939 ล้านบาท สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ เม.ย.นี้ ขณะเดียวกัน กทม.กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งเป็นการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล
สำหรับส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทจากอ่อนนุช-แบริ่ง ระยะทาง 5.25 กม.งบประมาณของ กทม.มูลค่า 8,755 ล้านบาท โดยงานยกระดับ สถานี และวางรางดำเนินการได้ 44% และอยู่ระหว่างการจัดซื้อระบบเดินรถ โดยกำหนดเปิดให้บริการปลายปี 2552
นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งการให้ สจส.นำป้ายนับถอยหลังไปติดไว้ที่สถานีรถบีอาร์ทีต่างๆ ว่า สถานีนี้ชื่ออะไร และเหลืออีกกี่วันโครงการจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้ใช้บริการได้ ขณะเดียวกัน ปลายปี 2551 นี้จะได้เห็นจุดเชื่อมต่อที่มันสมัยระหว่างสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี และสถานีรถบีอาร์ทีช่องนนทรี ส่วนการจัดซื้อรถโดยสารวงเงินจะได้รับ 3 คันแรกในเดือน พ.ค.2551 ครบ 45 คัน ในเดือน ก.ค.2551 ส่วนการจัดซื้อระบบควบคุมการเดินรถ (ITS) ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจร ระบบข้อมูลสำหรับผู้โดยสาร และระบบการเดินรถ กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อด้วยระบบ e-auction
ในกรอบงบประมาณ 405 ล้านบาท คาดว่า จะได้ผู้ขายภายในเดือน เมษายน 2551 และกำหนดทดสอบระบบเดือนสิงหาคม 2551 นี้ โดยจะจัดเก็บค่าโยสาร 12-18 บาท นอกจากนี้ในส่วนการเดินรถบีอาร์ทีสายอื่นๆ ซึ่งได้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปเมื่อวานนี้นั้นก็ได้รับการเห็นชอบเช่นเดียวกัน
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จะจัดอบรมคนขับรถแท็กซี่เพื่อการท่องเที่ยวในหลักสูตรระยะสั้นโดยจะมีกาอบรมภาษาอังกฤษ แนะนำแหล่งท่องเที่ยว พร้อมมอบใบประกาศนียบัตร และติดป้าย Bangkok Taxi เพื่อให้รู้ว่าแท็กซี่คันดังกล่าวผ่านการอบรมสามารถพูดคุยภาษาอังกฤษได้
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบอาณัติสัญญาณทางเอกชนจะใช้เวลาออกแบบ 3-4 เดือน แต่ทาง กทม.จะขอให้ใช้เวลาออกแบบเพียง 2-3 เดือน ขณะที่การวางระบบจะขอให้ใช้เวลาเพียง 6 เดือนจาก 8 เดือน เพราะมีประสบการณ์จากการเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณให้กับบีทีเอสแล้ว ส่วนสัญญาที่ 2 อีก 4 ระบบจะมีปัญหาความล่าช้าในระบบไฟฟ้าที่ต้องใช้เวลา 6 เดือน ในการดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้เจรจากับบีทีเอสขอใช้ไฟร่วมกันในช่วงการทดลองเดินรถก่อน ทั้งนี้แม้จะใช้ระยะเวลาดำเนินการน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาแต่จะมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ณ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เกี่ยวกับการติดตามงานด้านการจราจรและขนส่ง ว่า ในการประชุมคณะผู้บริหารครั้งนี้ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการรถไฟฟ้ากรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม และสายสุขุมวิท ซึ่งในสายสีลมระยะทาง 2.2 กม.งบประมาณ 2,394 ล้านบาท ขณะนี้มีความคืบหน้าในงานวางรางและสถานีแล้วเสร็จแล้ว งานระบบอาณัติสัญญาณ (Signalling System) วงเงิน 368 ล้านบาท จะมีการลงนามในสัญญากับ บ.บอมบาดิเอร์ ในวันศุกร์ที่ 29 ก.พ.นี้
ส่วนอีก 4 ระบบ วงเงิน 675 ล้านบาท ได้แก่ ระบบสื่อสาร (Communication System) ระบบจ่ายไฟฟ้า (Power Supply System) ระบบควบคุมและจัดเก็บข้อมูล (SCADA System) และระบบประกอบอาคารที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบรถไฟฟ้า (Railway System Specific Building Service) จะมีการลงนามสัญญากับกลุ่มบริษัท เอเอที คอนโซเตี้ยม ไม่เกินวันที่ 14 มี.ค.นี้ ส่วนการจัดหาระบบตั๋วอยู่ในขั้นตอนการจัดจ้าง โดยมีเป้าหมายว่าจะดำเนินการติดตั้งระบบพร้อมกับระบบอาณัติสัญญาณ พร้อมใช้งาน ภายในปี 2551 อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.จะต้องมีการทดลองเดินรถอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะสามารถทดลองเดินรถได้ประมาณเดือน ส.ค.2551-ปลายปี 2551 นอกจากนี้ ในส่วนของสถานีวงเวียนใหญ่จะมีการเปิดเพื่อให้บริการทำบัตรประชาชน เหมือนที่เปิดให้บริการที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น ในส่วนต่อขยายจากตากสิน-บางหว้า 5.3 กม.งบประมาณ 7,055 ล้านบาท มีการก่อสร้างทางวิ่งยกระดับแล้วเสร็จ 4.5 กม.ต้องขยายเพิ่มอีก 800 เมตร อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อทางยกระดับ สถานี วางราง และระบบเดินรถ ทั้งนี้ ตนจะนำคณะผู้บริหาร กทม.ลงพื้นที่ตรวจการดำเนินการในวันเสาร์ที่ 1 มี.ค.นี้ ด้านส่วนต่อขยายสายหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 13 กม.งบประมาณ 14,737 ล้านบาท และส่วนต่อขยายสุขุมวิทจากแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 14 กม.งบประมาณ 14,939 ล้านบาท สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ เม.ย.นี้ ขณะเดียวกัน กทม.กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งเป็นการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล
สำหรับส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทจากอ่อนนุช-แบริ่ง ระยะทาง 5.25 กม.งบประมาณของ กทม.มูลค่า 8,755 ล้านบาท โดยงานยกระดับ สถานี และวางรางดำเนินการได้ 44% และอยู่ระหว่างการจัดซื้อระบบเดินรถ โดยกำหนดเปิดให้บริการปลายปี 2552
นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งการให้ สจส.นำป้ายนับถอยหลังไปติดไว้ที่สถานีรถบีอาร์ทีต่างๆ ว่า สถานีนี้ชื่ออะไร และเหลืออีกกี่วันโครงการจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้ใช้บริการได้ ขณะเดียวกัน ปลายปี 2551 นี้จะได้เห็นจุดเชื่อมต่อที่มันสมัยระหว่างสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี และสถานีรถบีอาร์ทีช่องนนทรี ส่วนการจัดซื้อรถโดยสารวงเงินจะได้รับ 3 คันแรกในเดือน พ.ค.2551 ครบ 45 คัน ในเดือน ก.ค.2551 ส่วนการจัดซื้อระบบควบคุมการเดินรถ (ITS) ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจร ระบบข้อมูลสำหรับผู้โดยสาร และระบบการเดินรถ กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อด้วยระบบ e-auction
ในกรอบงบประมาณ 405 ล้านบาท คาดว่า จะได้ผู้ขายภายในเดือน เมษายน 2551 และกำหนดทดสอบระบบเดือนสิงหาคม 2551 นี้ โดยจะจัดเก็บค่าโยสาร 12-18 บาท นอกจากนี้ในส่วนการเดินรถบีอาร์ทีสายอื่นๆ ซึ่งได้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปเมื่อวานนี้นั้นก็ได้รับการเห็นชอบเช่นเดียวกัน
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จะจัดอบรมคนขับรถแท็กซี่เพื่อการท่องเที่ยวในหลักสูตรระยะสั้นโดยจะมีกาอบรมภาษาอังกฤษ แนะนำแหล่งท่องเที่ยว พร้อมมอบใบประกาศนียบัตร และติดป้าย Bangkok Taxi เพื่อให้รู้ว่าแท็กซี่คันดังกล่าวผ่านการอบรมสามารถพูดคุยภาษาอังกฤษได้
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบอาณัติสัญญาณทางเอกชนจะใช้เวลาออกแบบ 3-4 เดือน แต่ทาง กทม.จะขอให้ใช้เวลาออกแบบเพียง 2-3 เดือน ขณะที่การวางระบบจะขอให้ใช้เวลาเพียง 6 เดือนจาก 8 เดือน เพราะมีประสบการณ์จากการเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณให้กับบีทีเอสแล้ว ส่วนสัญญาที่ 2 อีก 4 ระบบจะมีปัญหาความล่าช้าในระบบไฟฟ้าที่ต้องใช้เวลา 6 เดือน ในการดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้เจรจากับบีทีเอสขอใช้ไฟร่วมกันในช่วงการทดลองเดินรถก่อน ทั้งนี้แม้จะใช้ระยะเวลาดำเนินการน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาแต่จะมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
