สพฐ.เสนอนโยบายเร่งด่วน เพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวเต็มเพดานในเทอม 2 เพื่อลดภาระผู้ปกครอง พร้อมขอคืนอัตราเกษียณเต็ม 100 และฟื้นจักรยานยืมเรียน 1 แสนคัน ตั้งงบ 110 ล.แจกคอมพ์ให้โรงเรียนในฝันกับ ร.ร.ขนาดเล็ก 2 หมื่นเครื่อง ใช้งบ 900 ล้าน ส่วนแก้ปัญหาใต้ แจกทุน 1,000 ทุน ให้นักเรียนเรียนดีและให้เรียนต่อใน 11 โรง
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า หลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศธ.ได้มาประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร สพฐ.เมื่อเร็วๆ นี้ สพฐ.ได้จัดทำข้อเสนอตามกรอบนโยบายที่ รมว.ศธ.ให้ไว้ เพื่อนำเสนอ รมว.ศธ.โดยได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ งานเร่งด่วน ที่จะทำภายในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 และนโยบายที่จะทำต่อเนื่อง โดยนโยบายเร่งด่วนที่เสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ คือ เพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวให้เต็มเพดานที่ คณะรัฐมนตรีชุดเก่าเคยอนุมัติไว้ว่าจะให้ทยอยเพิ่มเงินอุดหนุนระดับอนุบาล จัดเพิ่มจาก 1,149 บาท ต่อปี เป็น 1,700 บาทต่อปี ประถมศึกษา เพิ่มจาก 1,499 บาท เป็น 1,900 บาท ม.ต้น 2,649 บาท เป็น 3,500 บาท และ ม.ปลาย 3,249 บาท เป็น 3,800 บาท
“ตามมติเดิม ครม.ได้กำหนดให้ทยอยปรับเพิ่มจนเต็มเพดานภายในปี 2551-2553 แต่ สพฐ.เห็นว่าเพื่อลดภาระผู้ปกครองได้ทันที น่าจะจัดปรับเงินอุดหนุนให้เต็มเพดานตั้งแต่ปีการศึกษาหน้า แต่ต้องใช้เงินรองรับทั้งหมด 1,600 ล้านบาท นอกจากนั้นปัจจุบันโรงเรียนที่ขาดแคลนครูจะต้องเก็บเงินจากผู้ปกครองไปจ้างครูมาเพิ่ม โดยโรงเรียนทั่วประเทศใช้เงินส่วนนี้จ้างครูกว่า 20,000 อัตรา เพราะฉะนั้นจะขอคืนอัตราเกษียณปี 2550 เต็ม 100% หรือคิดเป็นจำนวน 4,263 อัตรา เพื่อเร่งบรรจุครูให้เสร็จก่อนเปิดเทอม และของบอีก 228 ล้านบาท เพื่อมาจ้างครูเพิ่มอีก 6000 อัตรา ทั้งหมดนี้เพื่อไม่ให้โรงเรียนต้องไปเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองอีก”คุณหญิงกษมา กล่าว
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า จะเสนอฟื้นโครงการจักรยานยืมเรียนของบประมาณ 110 ล้านบาท เพื่อมาซื้อจักรยานจำนวน 100,000 คัน แจกนักเรียนชั้น ป.4-ม.6 รวมทั้งของบ 900 ล้านบาท มาจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 20,000 เครื่อง แจกโรงเรียนในฝันรุ่น 2 ประมาณกว่า 900 โรง และโรงเรียนขนาดเล็ก 800 โรง รวมทั้งหมด 1,683 โรง พร้อมกับอัปเกรดระบบอินเทอร์เน็ตในโรงเรียน 2,104 โรง เป็นความเร็ว 2 เมกะไบต์ รวมทั้งจัดทำสื่อดิจิตอลสำเร็จรูปแจกโรงเรียน 5,000 โรง อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุก 1 ล้านเครื่องตามนโยบาย รมว.ศธ.จะต้องรอหารือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และในส่วนของโรงเรียนในฝันรุ่น 2 นอกจากจะได้รับแจกคอมพิวเตอร์จะได้รับการช่วยเหลือด้านการพัฒนาบุคลากรด้วย เพราะ รวม.ศธ.ต้องการให้เร่งปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียนในฝันรุ่น 2 และต้องการให้พัฒนาโรงเรียนในฝัน 200 โรงให้เป็นศูนย์ซ่อมคอมพิวเตอร์
สำหรับการแก้ปัญหาการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเสนอให้แจกทุนการศึกษาให้นักเรียน ป.6 และ ม.3 ชั้นละ 500 ทุน รวม 1,000 ทุน ที่มีผลการเรียนดี คะแนนเอ็นทีสูง เข้าศึกษาต่อที่ได้รับความนิยมในภาคใต้ 11 โรง พร้อมกันนี้ จะมีข้อเสนอสำหรับดูแลเด็กพิการ เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายด้วย โดยเสนอให้เปิดโรงเรียนคูขนานสำหรับเด็กออทิสติกทุกจังหวัดๆ ละ 1 ห้อง และขยายโรงเรียนแกนนำเรียนร่วมอีก 5,000 โรง ห้องเรียนสำหรับเด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้ (แอลดี) เด็กสมาธิสั้น 10000 โรง อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 นี้จะสามารถเริ่มโครงการโรงเรียนคู่ขนานได้ทันที ส่วนออทิสติกและแอลดีจะเริ่มได้ในปี 2552
“เหตุผลที่ต้องคัดเลือกงานบางอย่างมาเป็นนโยบายเร่งด่วน เพราะว่ารัฐบาลอยากเห็นผลงานอะไรที่เกิดขึ้นก่อนเปิดเทอมทันที ซึ่ง สพฐ.ก็สามารถจะทำได้โดยปรับเปลี่ยนงบประมาณ หรือวิธีบริหารงบที่มีอยู่หรือขอเพิ่มบางรายการเล็กน้อย ส่วนนโยบายระยะยาว ก็จะทำไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลหากต้องใช้งบเพิ่มเติมจะใช้งบปี 2552
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า หลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศธ.ได้มาประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร สพฐ.เมื่อเร็วๆ นี้ สพฐ.ได้จัดทำข้อเสนอตามกรอบนโยบายที่ รมว.ศธ.ให้ไว้ เพื่อนำเสนอ รมว.ศธ.โดยได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ งานเร่งด่วน ที่จะทำภายในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 และนโยบายที่จะทำต่อเนื่อง โดยนโยบายเร่งด่วนที่เสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ คือ เพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวให้เต็มเพดานที่ คณะรัฐมนตรีชุดเก่าเคยอนุมัติไว้ว่าจะให้ทยอยเพิ่มเงินอุดหนุนระดับอนุบาล จัดเพิ่มจาก 1,149 บาท ต่อปี เป็น 1,700 บาทต่อปี ประถมศึกษา เพิ่มจาก 1,499 บาท เป็น 1,900 บาท ม.ต้น 2,649 บาท เป็น 3,500 บาท และ ม.ปลาย 3,249 บาท เป็น 3,800 บาท
“ตามมติเดิม ครม.ได้กำหนดให้ทยอยปรับเพิ่มจนเต็มเพดานภายในปี 2551-2553 แต่ สพฐ.เห็นว่าเพื่อลดภาระผู้ปกครองได้ทันที น่าจะจัดปรับเงินอุดหนุนให้เต็มเพดานตั้งแต่ปีการศึกษาหน้า แต่ต้องใช้เงินรองรับทั้งหมด 1,600 ล้านบาท นอกจากนั้นปัจจุบันโรงเรียนที่ขาดแคลนครูจะต้องเก็บเงินจากผู้ปกครองไปจ้างครูมาเพิ่ม โดยโรงเรียนทั่วประเทศใช้เงินส่วนนี้จ้างครูกว่า 20,000 อัตรา เพราะฉะนั้นจะขอคืนอัตราเกษียณปี 2550 เต็ม 100% หรือคิดเป็นจำนวน 4,263 อัตรา เพื่อเร่งบรรจุครูให้เสร็จก่อนเปิดเทอม และของบอีก 228 ล้านบาท เพื่อมาจ้างครูเพิ่มอีก 6000 อัตรา ทั้งหมดนี้เพื่อไม่ให้โรงเรียนต้องไปเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองอีก”คุณหญิงกษมา กล่าว
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า จะเสนอฟื้นโครงการจักรยานยืมเรียนของบประมาณ 110 ล้านบาท เพื่อมาซื้อจักรยานจำนวน 100,000 คัน แจกนักเรียนชั้น ป.4-ม.6 รวมทั้งของบ 900 ล้านบาท มาจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 20,000 เครื่อง แจกโรงเรียนในฝันรุ่น 2 ประมาณกว่า 900 โรง และโรงเรียนขนาดเล็ก 800 โรง รวมทั้งหมด 1,683 โรง พร้อมกับอัปเกรดระบบอินเทอร์เน็ตในโรงเรียน 2,104 โรง เป็นความเร็ว 2 เมกะไบต์ รวมทั้งจัดทำสื่อดิจิตอลสำเร็จรูปแจกโรงเรียน 5,000 โรง อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุก 1 ล้านเครื่องตามนโยบาย รมว.ศธ.จะต้องรอหารือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และในส่วนของโรงเรียนในฝันรุ่น 2 นอกจากจะได้รับแจกคอมพิวเตอร์จะได้รับการช่วยเหลือด้านการพัฒนาบุคลากรด้วย เพราะ รวม.ศธ.ต้องการให้เร่งปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียนในฝันรุ่น 2 และต้องการให้พัฒนาโรงเรียนในฝัน 200 โรงให้เป็นศูนย์ซ่อมคอมพิวเตอร์
สำหรับการแก้ปัญหาการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเสนอให้แจกทุนการศึกษาให้นักเรียน ป.6 และ ม.3 ชั้นละ 500 ทุน รวม 1,000 ทุน ที่มีผลการเรียนดี คะแนนเอ็นทีสูง เข้าศึกษาต่อที่ได้รับความนิยมในภาคใต้ 11 โรง พร้อมกันนี้ จะมีข้อเสนอสำหรับดูแลเด็กพิการ เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายด้วย โดยเสนอให้เปิดโรงเรียนคูขนานสำหรับเด็กออทิสติกทุกจังหวัดๆ ละ 1 ห้อง และขยายโรงเรียนแกนนำเรียนร่วมอีก 5,000 โรง ห้องเรียนสำหรับเด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้ (แอลดี) เด็กสมาธิสั้น 10000 โรง อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 นี้จะสามารถเริ่มโครงการโรงเรียนคู่ขนานได้ทันที ส่วนออทิสติกและแอลดีจะเริ่มได้ในปี 2552
“เหตุผลที่ต้องคัดเลือกงานบางอย่างมาเป็นนโยบายเร่งด่วน เพราะว่ารัฐบาลอยากเห็นผลงานอะไรที่เกิดขึ้นก่อนเปิดเทอมทันที ซึ่ง สพฐ.ก็สามารถจะทำได้โดยปรับเปลี่ยนงบประมาณ หรือวิธีบริหารงบที่มีอยู่หรือขอเพิ่มบางรายการเล็กน้อย ส่วนนโยบายระยะยาว ก็จะทำไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลหากต้องใช้งบเพิ่มเติมจะใช้งบปี 2552
