เอ็นจีโอให้โอกาส 2 รมว.มือใหม่วงการหมอโชว์กึ๋นสร้างผลงาน ฝากแก้ปัญหา 3 ประเด็นใหญ่ ความเป็นธรรมระบบหลักประกันสุขภาพ ความขัดแย้งหมอ-คนไข้ การเข้าถึงยากล้าทำซีแอล ระบุไม่ต้องนั่งศึกษาวิจัยใหม่ให้เดินหน้าสานต่อได้เลย และไม่ต้องหันไปเก็บ 30 บาท สร้างปัญหา ให้เป็นประเด็นทางการเมือง
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ขณะนี้คงต้องให้โอกาสรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย ได้แสดงผลงานที่สำคัญๆ ในกระทรวงสาธารณสุข โดยต้องให้เวลาในการเรียนรู้งาน อยากให้รัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดการปัญหา 3 ประเด็น ใหญ่ๆ คือ 1.เรื่องความไม่เป็นธรรมในระบบสาธารณสุข ระหว่างผู้ป่วยบัตรทองที่ยังเข้าไม่ถึงยาจำเป็นที่ต้องใช้ ขณะเดียวกันผู้ป่วยในระบบสวัสดิการราชการและประกันสังคมอาจได้ยาเกินจำเป็น ซึ่งต้องเข้าไปแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพให้ถูกจุด 2. มีความขัดแย้งระหว่างแพทย์และคนไข้ ซึ่งเป็นปัญหามาก กลายเป็นความหวาดระแวงกันในที่สุด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดโดยการเร่งผลักดันกฎหมายกองทุนคุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ ทำให้คนไข้ได้รับการชดเชยโดยไม่ต้องฟ้องร้อง และ 3. เดินหน้าคุ้มครองผู้บริโภคทั้งระบบโดยการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ยาที่เหมาะสม รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นปัญหา
“อยากให้รัฐมนตรียึดเจตจำนง กล้าหาญ กล้าบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เพื่อช่วยให้คนเข้าถึงยา โดยไม่จำเป็นจะต้องมาตั้งต้นศึกษาวิจัยใหม่แล้ว สามารถที่จะดำเนินการต่อได้เลย หรือเรื่องกองทุนคุ้มครองผู้เสียหาย สภาวิชาชีพก็เห็นด้วย รัฐมนตรีน่าจะเดินหน้าได้เลย กองประกอบโรคศิลป์รีบเสนอนำเข้าเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไป”น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี กล่าวด้วยว่า รวมถึงไม่อยากให้ต้องกลับมาเก็บ 30 บาท อีกแต่ควรเดินหน้าเรื่องความเป็นธรรม คือ กลัวรัฐบาลนี้ซึ่งเป็นพลังประชาชนแต่เป็นไทรักไทเก่าจะหันมาใช้ 30 บาท ซึ่งเป็นโลโก้เดิม ซึ่งไม่น่าเป็นประเด็นทางการเมืองอีก เพราะเรื่องระบบประกันสุขภาพเป็นเรื่องของประชาชน การยกเลิกเก็บ 30 บาทก็มีความชัดเจนว่า ไม่มีนัยยะสำคัญ เพราะเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก ไม่ได้ช่วยเพิ่มงบสุขภาพของประเทศ ไม่ควรจะทำให้เป็นปัญหาอีก
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ขณะนี้คงต้องให้โอกาสรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย ได้แสดงผลงานที่สำคัญๆ ในกระทรวงสาธารณสุข โดยต้องให้เวลาในการเรียนรู้งาน อยากให้รัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดการปัญหา 3 ประเด็น ใหญ่ๆ คือ 1.เรื่องความไม่เป็นธรรมในระบบสาธารณสุข ระหว่างผู้ป่วยบัตรทองที่ยังเข้าไม่ถึงยาจำเป็นที่ต้องใช้ ขณะเดียวกันผู้ป่วยในระบบสวัสดิการราชการและประกันสังคมอาจได้ยาเกินจำเป็น ซึ่งต้องเข้าไปแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพให้ถูกจุด 2. มีความขัดแย้งระหว่างแพทย์และคนไข้ ซึ่งเป็นปัญหามาก กลายเป็นความหวาดระแวงกันในที่สุด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดโดยการเร่งผลักดันกฎหมายกองทุนคุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ ทำให้คนไข้ได้รับการชดเชยโดยไม่ต้องฟ้องร้อง และ 3. เดินหน้าคุ้มครองผู้บริโภคทั้งระบบโดยการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ยาที่เหมาะสม รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นปัญหา
“อยากให้รัฐมนตรียึดเจตจำนง กล้าหาญ กล้าบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เพื่อช่วยให้คนเข้าถึงยา โดยไม่จำเป็นจะต้องมาตั้งต้นศึกษาวิจัยใหม่แล้ว สามารถที่จะดำเนินการต่อได้เลย หรือเรื่องกองทุนคุ้มครองผู้เสียหาย สภาวิชาชีพก็เห็นด้วย รัฐมนตรีน่าจะเดินหน้าได้เลย กองประกอบโรคศิลป์รีบเสนอนำเข้าเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไป”น.ส.สารี กล่าว
น.ส.สารี กล่าวด้วยว่า รวมถึงไม่อยากให้ต้องกลับมาเก็บ 30 บาท อีกแต่ควรเดินหน้าเรื่องความเป็นธรรม คือ กลัวรัฐบาลนี้ซึ่งเป็นพลังประชาชนแต่เป็นไทรักไทเก่าจะหันมาใช้ 30 บาท ซึ่งเป็นโลโก้เดิม ซึ่งไม่น่าเป็นประเด็นทางการเมืองอีก เพราะเรื่องระบบประกันสุขภาพเป็นเรื่องของประชาชน การยกเลิกเก็บ 30 บาทก็มีความชัดเจนว่า ไม่มีนัยยะสำคัญ เพราะเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก ไม่ได้ช่วยเพิ่มงบสุขภาพของประเทศ ไม่ควรจะทำให้เป็นปัญหาอีก