“คุณหญิงไขศรี” ค้านยุบรวม วธ.กับ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุ ท่องเที่ยวหาเงินเข้าประเทศเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ส่วน วธ.ทำงานด้านสังคม เป็นงานคนละประเภทกัน แนะรัฐบาลใหม่เร่งแก้วิกฤตศรัทธาต่อพระสงฆ์ในสังคมไทย และศึกษาให้รอบด้านก่อนยุบรวมหน่วยงานด้านศาสนา
คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้ากับกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ว่า แม้ว่างานวัฒนธรรมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับภารกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย แต่โดยหน้าที่และการทำงานของทั้งสองกระทรวงมีบทบาทต่างกัน เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นกระทรวงทางเศรษฐกิจที่ทำงานด้านการตลาด รณรงค์ให้คนทั่วโลกมาเที่ยวเมืองไทย เพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างชาติเข้าประเทศ สร้างการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศของไทย
ส่วน วธ.เป็นกระทรวงทางสังคมที่มีภารกิจด้านการทำงานเกี่ยวกับวิถีชีวิต สืบทอด อนุรักษ์วัฒนธรรม และมีภารกิจทำงานตอบสนองราชสำนักด้วยการดูแลการจัดพิธีกรรม บูรณปฏิสังขรณ์พระราชวัง และโบราณสถานต่างๆ ดังนั้น ตนเห็นว่า การทำงานของทั้ง 2 กระทรวง มีความแตกต่างกัน ไม่ควรนำมารวมเป็นกระทรวงเดียวกัน เนื่องจากจะทำให้การทำงานไม่คล่องตัว และอาจเกิดปัญหาความผิดพลาดจากภารกิจและหน้าที่คนละประเภทกัน ระหว่างกระทรวงด้านเศรษฐกิจ กับกระทรวงด้านสังคม
“ดิฉันคิดว่าการปรับโครงสร้างส่วนราชการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น ควรแยกงานการท่องเที่ยวออกจากงานการกีฬา โดยการท่องเที่ยวควรจัดตั้งเป็นกระทรวงการท่องเที่ยว ส่วนงานการกีฬาออกมาจัดเป็นองค์การมหาชน เพื่อให้มีอิสระและมีความคล่องตัวในการทำงาน ไม่ใช่นำไปแปะไว้กับงานด้านการท่องเที่ยวอย่างในปัจจุบัน เพราะเป็นงานคนละลักษณะที่มีความแตกต่างกัน และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะนำกระทรวงการท่องเที่ยวฯ มารวมกับ วธ.” รมว.วัฒนธรรม กล่าว
ส่วนแนวคิดการยุบรวมงานในส่วนของการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ของกรมการศาสนา (ศน.) เข้าไปรวมอยู่ในสังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นั้น คุณหญิงไขศรี กล่าวอีกว่า ขอให้มีการศึกษาอย่างรอบด้าน การรวมหรือไม่รวมไม่ใช่ประเด็นปัญหา เพราะหากมีวิธีการบริหารจัดการที่ดีทาง วธ.ก็พร้อมยอมรับ แต่เรื่องพระพุทธศาสนาเป็นงานสำคัญของประเทศที่รัฐบาลชุดต่อไปควรให้ความสำคัญ และเข้ามาดูแลพระภิกษุสงฆ์ เพราะองค์กรทางศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ควรดูแลเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย แก้ปัญหาความศรัทธาในตัวบุคคลของพระสงฆ์ และแก้ปัญหาขาดแคลนพระสงฆ์ที่ลดจำนวนการบวช และมีน้อยลง รวมถึงการแก้ไขสนับสนุนการจัดการศึกษาของพระสงฆ์ให้ครอบคลุมมากกว่านี้ หากรัฐบาลใหม่ไม่เข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เรื่องนี้จะเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ในด้านวิกฤตคุณธรรม จริยธรรมของคนในสังคมที่ขาดพระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้อบรมบ่มเพาะให้คนมีจิตสำนึกคุณธรรม จริยธรรม
คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้ากับกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ว่า แม้ว่างานวัฒนธรรมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับภารกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย แต่โดยหน้าที่และการทำงานของทั้งสองกระทรวงมีบทบาทต่างกัน เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นกระทรวงทางเศรษฐกิจที่ทำงานด้านการตลาด รณรงค์ให้คนทั่วโลกมาเที่ยวเมืองไทย เพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างชาติเข้าประเทศ สร้างการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศของไทย
ส่วน วธ.เป็นกระทรวงทางสังคมที่มีภารกิจด้านการทำงานเกี่ยวกับวิถีชีวิต สืบทอด อนุรักษ์วัฒนธรรม และมีภารกิจทำงานตอบสนองราชสำนักด้วยการดูแลการจัดพิธีกรรม บูรณปฏิสังขรณ์พระราชวัง และโบราณสถานต่างๆ ดังนั้น ตนเห็นว่า การทำงานของทั้ง 2 กระทรวง มีความแตกต่างกัน ไม่ควรนำมารวมเป็นกระทรวงเดียวกัน เนื่องจากจะทำให้การทำงานไม่คล่องตัว และอาจเกิดปัญหาความผิดพลาดจากภารกิจและหน้าที่คนละประเภทกัน ระหว่างกระทรวงด้านเศรษฐกิจ กับกระทรวงด้านสังคม
“ดิฉันคิดว่าการปรับโครงสร้างส่วนราชการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น ควรแยกงานการท่องเที่ยวออกจากงานการกีฬา โดยการท่องเที่ยวควรจัดตั้งเป็นกระทรวงการท่องเที่ยว ส่วนงานการกีฬาออกมาจัดเป็นองค์การมหาชน เพื่อให้มีอิสระและมีความคล่องตัวในการทำงาน ไม่ใช่นำไปแปะไว้กับงานด้านการท่องเที่ยวอย่างในปัจจุบัน เพราะเป็นงานคนละลักษณะที่มีความแตกต่างกัน และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะนำกระทรวงการท่องเที่ยวฯ มารวมกับ วธ.” รมว.วัฒนธรรม กล่าว
ส่วนแนวคิดการยุบรวมงานในส่วนของการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ของกรมการศาสนา (ศน.) เข้าไปรวมอยู่ในสังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นั้น คุณหญิงไขศรี กล่าวอีกว่า ขอให้มีการศึกษาอย่างรอบด้าน การรวมหรือไม่รวมไม่ใช่ประเด็นปัญหา เพราะหากมีวิธีการบริหารจัดการที่ดีทาง วธ.ก็พร้อมยอมรับ แต่เรื่องพระพุทธศาสนาเป็นงานสำคัญของประเทศที่รัฐบาลชุดต่อไปควรให้ความสำคัญ และเข้ามาดูแลพระภิกษุสงฆ์ เพราะองค์กรทางศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ควรดูแลเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย แก้ปัญหาความศรัทธาในตัวบุคคลของพระสงฆ์ และแก้ปัญหาขาดแคลนพระสงฆ์ที่ลดจำนวนการบวช และมีน้อยลง รวมถึงการแก้ไขสนับสนุนการจัดการศึกษาของพระสงฆ์ให้ครอบคลุมมากกว่านี้ หากรัฐบาลใหม่ไม่เข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เรื่องนี้จะเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ในด้านวิกฤตคุณธรรม จริยธรรมของคนในสังคมที่ขาดพระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้อบรมบ่มเพาะให้คนมีจิตสำนึกคุณธรรม จริยธรรม