หมอศัลยกรรม ชี้ ไม่แนะนำให้ดูดไขมันเพื่อลดน้ำหนัก ระบุ เป็นความเข้าใจผิดๆ ขณะที่เหยื่อดูดไขมันออกโรงโต้ ไม่ได้หากินกับการฟ้องเรียกเงิน 6 ล้าน แค่อยากให้โรงพยาบาลชดใช้ค่าเสียหายที่ทำไว้เท่านั้น
จากกรณี น.ส.ศรีหทัย หรือ นงลักษณ์ บวรธรรมรัตน์ อายุ 37 ปี เจ้าของร้านสปา วาสิตา ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เวชธานี จำกัด (มหาชน) เจ้าของโรงพยาบาลเวชธานี และ นพ.ฉันทัส กลกิจโกวินท์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 4,639,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี หลังจากผ่าตัดดูดไขมันจนสะดือหาย และแผลเกิดอาการเน่า ซึ่งต่อมานายสุกิจยตน์ พูนศรีเกษม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นพ.ฉันทัส กลกิจโกวินทร์ อายุ 42 ปี อดีตแพทย์ประจำ รพ.เวชธานี และเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของ น.ส.ศรีหทัย เข้าแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงนั้น
น.ส.ศรีหทัย กล่าวว่า ขอยืนยันว่า ไม่เคยเรียกร้องขอค่าเสียหาย 6 ล้านบาท อย่างที่ นายสุกิจยตน์ ได้เข้าแจ้งความ ตนสามารถพิสูจน์ได้ และพร้อมที่จะต่อสู้ในชั้นศาล และอยากชี้แจงว่า นายสุกิจยตน์ เคยโทร.มาหาตน และบอกให้ตนอย่าฟ้องหมอ และให้ฟ้องโรงพยาบาล ให้เรียกเงิน 10 ล้าน แล้วจะเป็นคนทำคดีให้เอง ส่วนเอกสารเวชระเบียน ที่โรงพยาบาลไม่ให้ตนนั้น หากตนยอมฟ้องโรงพยาบาล นายสุกิจยตน์ กล่าวว่า จะเป็นคนจัดการหาเอกสารทั้งหมดให้ และว่าเคยทำคดีฟ้องร้องแบบนี้ ให้กับคนไข้รายอื่นเพื่อฟ้องโรงพยาบาลมาแล้ว
“ทนายคนดังกล่าว ได้ติดต่อมาหลายครั้งด้วยกัน แต่ดิฉันไม่รู้ขั้นตอนของการฟ้องร้อง และบอกไปว่าไม่ต้องการหากินแบบนั้น เพียงแต่ที่ต้องฟ้องเพราะเมื่อขอให้โรงพยาบาลช่วยเหลือในเรื่องการรักษาต่อเนื่อง ภายหลังจากที่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับร่างกายแล้ว ทางโรงพยาบาลปฏิเสธให้ความช่วยเหลือและบอกว่าไม่มีนโยบายดังกล่าว จึงจำเป็นต้องทำ แต่ไม่ได้อยากหากินด้วยการฟ้องโรงพยาบาล” น.ส.ศรีหทัย กล่าว
ด้านศ.นพ.อาทิ เครือวิทย์ หัวหน้าหน่วยศัลยกรรมตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงการผ่าตัดดูดไขมัน ที่มีการร้องเรียนโรงพยาบาลชื่อดังว่าทำให้เกิดความเสียหายเกิดแผลเป็นรอบเอวเป็นมีแผลเน่า ว่า การผ่าตัดทุกชนิดต่างมีความเสี่ยง สำหรับกรณีดังกล่าวคงไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะไม่ได้เป็นผู้รักษา ทำให้ไม่ทราบรายละเอียดของการรักษา ว่าแพทย์ปฏิบัติอย่างไร และคนไข้ได้ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดหรือไม่ เพราะการผ่าตัดทุกอย่าง ย่อมมีปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะดูแลอย่างดี ผ่าตัดอย่างดี ก็อาจเกิดกรณีที่คาดไม่ถึงขึ้นได้
ศ.นพ.อาทิ กล่าวต่อว่า ประชาชนมักมีความเข้าใจที่ผิด เกี่ยวกับเรื่องการดูดไขมันว่า สามารถลดน้ำหนักได้ แต่ความจริงแล้ว การดูดไขมันไม่สามารถลดน้ำหนักได้ เพราะปริมาณไขมันที่ดูดออกทำได้เพียงไม่กี่ลิตรเท่านั้น แต่เป็นเพียงวิธีการปรับรูปร่าง ในกรณีที่ลดน้ำหนักลงแล้ว แต่ส่วนผิวหนังที่ขยายตัวออก จะไม่สามารถหดเหมือนเดิมได้ จึงต้องดูดเซลล์ไขมันและตัดหนังส่วนเกินทิ้ง เพราะเซลล์ไขมันในร่างกาย เมื่อร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จำนวนของเซลล์จะไม่สร้างเพิ่ม แต่ขนาดของเซลล์ไขมันสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดได้ ทำให้คนที่ปรับลดรูปร่างลงต้องดูดจำนวนเซลล์ไขมันออกเพื่อป้องกันให้ขนาดขยายขึ้น และบางรายต้องมีการตัดหนังบางส่วนทิ้งเพื่อไม่ให้ห้อยย้อย
“กรณีการดูดไขมัน แพทย์จะพิจารณาจากสุขภาพของผู้ต้องการดูดไขมัน ต้องไม่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และต้องเป็นคนที่มีความพยายามปรับรูปร่างมาก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ผล และต้องการตัดส่วนหนังออก ซึ่งการตัดส่วนหนังและดูดไขมันนั้น หากมีการปรับลดรูปร่างมากก่อนหน้า จะทำให้ไขมันมีขนาดเล็กลง และมีช่องว่าง ทำให้ชั้นไขมันในผิวหนังบางลง ซึ่งจะทำให้การผ่าตัดง่ายและปลอดภัยกว่าตัดชั้นไขมันที่มีความหนา” ศ.นพ.อาทิ กล่าวและว่า คำแนะนำสำหรับประชาชน คือ ไม่ควรใช้วิธีการดูดไขมันเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ควรคุมอาหาร ประกอบกับออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้อ้วน