“วิจิตร” ลงนามประกาศ ศธ.ห้าม ร.ร.สมาคมศิษย์เก่า สมาคมครูผู้ปกครอง รับเงินบริจาค และห้ามเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจัดการศึกษาพิเศษอย่างไร้เหตุผล ในช่วงรับนักเรียน ใครออกนอกลู่ ต้องถูกลงโทษทางวินัย
ทั้งนี้ ได้มีรายงานข่าวว่า นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง นโยบายและมาตรการในการรับนักเรียน นักศึกษา ปีการศึกษา 2551 ลงนามวันที่ 30 มกราคม 2551 มีใจความสำคัญดังนี้ 1.ศธ.ไม่ส่งเสริมให้สถานศึกษา รับบริจาคเงินจากผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา ในช่วงระยะเวลาที่มีการรับนักเรียน นักศึกษา เข้าศึกษาในสถานศึกษาไม่ว่าในรูปแบบใดๆ 2.ไม่ส่งเสริมให้องค์กรอื่นใด เช่น สมาคมครูและผู้ปกครอง สมาคมศิษย์เก่าของสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา รับเงินบริจาค หรือมีส่วนในการรับเงินบริจาค ตามข้อ 1.
3.การเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม ค่าบริการในการจัดการศึกษาเป็นการพิเศษ หรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการจัดการศึกษาเพิ่มเติมให้พิจารณาถึงความเหมาะสม ประโยชน์ที่จะได้รับและมีความจำเป็นอย่างแท้จริงเท่านั้น และเพื่อมิให้เป็นภาระแก่ผู้ปกครองมากเกินไป ห้ามมิให้สถานศึกษาเรียกเก็บเงินดังกล่าวในช่วงเวลาเปิดรับนักเรียน นักศึกษา 4.ให้ผู้บริหารสถานศึกษา ถือเป็นหน้าที่ในการดูแลเอาใจใส่ให้เด็กและเยาวชนที่อยู่ในเขตพื้นที่การศึกษา หรือประสงค์จะเข้ารับการศึกษาแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นเด็กด้อยโอกาส หรือประสบปัญหา ได้รับโอกาสเข้าศึกษาในสถานศึกษาในสัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งนี้ สถานศึกษาต้องไม่ตัดโอกาสของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น
5.ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และผู้ตรวจราชการ ศธ. ตรวจสอบและติดตามประเมินผล การรับนักเรียน นักศึกษา แล้วรายงานหัวหน้าส่วนราชการจนถึง รมว.ศธ. ภายใน 15 วันนับตั้งแต่การรับนักเรียน นักศึกษา สิ้นสุดลง 6.ในกรณีที่สถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวข้างต้น และเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ปกครอง หรือเกิดความเสียหายแก่ราชการ หรือไม่อาจดำเนินการให้นโยบายของ ศธ. บรรลุผล ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย กรณีขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและไม่ถือปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และแบบธรรมเนียมของทางราชการต่อไป
และ 7.หากผู้ปกครองหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หรือพบเห็นว่า มีการฝ่าฝืนนโยบายและมาตรการในการรับนักเรียน นักศึกษาดังกล่าว ให้ร้องเรียนหรือแจ้งต่อ ผอ.สพท. ผู้ตรวจราชการ ศธ.หรือหัวหน้าส่วนราชการโดยตรง เพื่อเยียวยาแก้ไข หรือให้ความช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน หรือเสียหายโดยเร็ว
ซึ่ง สพฐ.ได้ยกร่างประกาศดังกล่าวขึ้นมา เพื่อต้องการเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง หลังจากที่ เคยออกประกาศเดียวกันไปแล้วในการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2550 ซึ่ง สพฐ.ได้นำเสนอเรื่องมาให้ รมว.ศธ.ลงนามเมื่อวันที่ 30 ม.ค.และ รมว.ศธ.ก็ได้ลงนามทันทีในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวได้เน้นย้ำด้วยว่า ศธ. มีนโยบายที่จะให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี อย่างทั่วถึงมีคุณภาพ และเป็นธรรม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า หลังจาก รมว.ศธ.ลงนามในประกาศดังกล่าวแล้ว สพฐ.จะได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งเรื่องนี้ไปยังโรงเรียนทั่วประเทศ