ปัจจุบันมีการแสดงออกทางเพศในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแสดงออกภายในตัวของตัวเอง และการแสดงออกผ่านสื่อต่างๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้ เช่น หนังสือลามก วีซีดีโป๊ บริการเซ็กซ์โฟน การแชตออนไลน์ ฯลฯ
สิ่งที่เกิดขึ้นผ่านสื่อนั้นเป็นตัวช่วยในการระบายอารมณ์ กระตุ้นความรู้สึก ของทั้งหญิง ชาย และนอกจากนั้น ยังรวมไปถึงกลุ่มรักร่วมเพศ ชายรักชาย ที่ใช้บริการตรงนี้เป็นตัวเสริมในการแสดงภาวะทางอารมณ์อีกทางหนึ่ง แต่สื่อเหล่านี้เองอาจกลายเป็นดาบสองคมได้ หากไม่มีการจัดการ และระวังป้องกันในการนำเสนอที่ดีพอ
งานประชุมประจำปี “เพศวิถีศึกษาในสังคมไทย ครั้งที่ 1” ที่จัดโดย ม.มหิดล ม.ธรรมศาสตร์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และพันธมิตร จึงเกิดขึ้น โดยมีการนำเสนอบทความวิชาการที่มีเนื้อหาในเรื่องของเพศวิถีในด้านต่างๆ เพื่อการร่วมกันแสดงความคิดเห็น
**เปิดโลกหนังสือปกขาวยุคใหม่
ธนัย เกตวงกต ให้ข้อมูลในงานบทความเรื่องเปิดโลกหนังสือปกขาว ว่า หนังสือปกขาว หรือ หนังสือโป๊ นั้น ตนเองให้คำนิยามใหม่ว่าเป็น “สื่อกระตุ้นเร้าความต้องการทางเพศ” แทนการเรียกว่า สื่อลามก เพราะเป็นคำที่มีความหมายออกไปทางลบ โดยที่สื่อประเภทนี้มีสิ่งที่ถูกพูดถึง และเกี่ยวข้องกับเยาวชนหลายข้อด้วยกัน คือ 1.เป็นตัวการในการมอมเมาเด็ก โดยการกระตุ้นให้เกิดการลอกเลียนแบบที่ผิดปกติต่างๆ เช่น เซ็กซ์หมู่ ความสัมพันธ์ทางเพศก่อนวัยอันควร เน้นให้หมกมุ่นเรื่องเพศ 2.เป็นการเผยแพร่สิ่งที่ขัดแย้งกับศีลธรรม หรือวัฒนธรรมที่ดีในสังคมไทย และ 3.สื่อเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายในตัวเอง แต่ต้องมีการแนะนำ แก่เด็ก เยาวชน เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี
ในส่วนของภาครัฐที่สามารถจะช่วยในเรื่องนี้ได้ คือ การกำหนดนโยบายการวางแผนป้องกัน สร้างเครือข่ายการเฝ้าระวังหรือเน้นนโยบายด้านการจับกุม หรือจำกัดพื้นที่สื่อเหล่านี้ในที่สาธารณะ ไม่ให้หาซื้อได้ ง่ายอย่างเปิดเผย
“จากประสบการณ์ที่ได้ลงเก็บข้อมูลในส่วนของการซื้อขายหนังสือโป๊ พบว่า แบ่งตลาดออกเป็น 3 แหล่งใหญ่ๆ ได้แก่ 1.ตลาดนัดกลางเมืองใน กทม.ที่พบได้ คือ โซนขายของเก่า หนังสือเก่า จะไม่มีการวางให้เลือกซื้อ จะใช้ในลักษณะของสายส่งที่จะเลือกกลุ่มเป้าหมาย ที่เน้นผู้ชายที่เดินคนเดียว โดยสายส่งจะเดินเข้ามากระซิบและถามด้วยคำที่เป็นที่รู้กันว่า “โป๊มั้ยครับ...” หากได้กลุ่มเป้าหมายแล้วก็จะทำการต่อรองราคา เมื่อตกลงก็จะให้รอเพื่อสายส่งจะเอาของมาให้ ซึ่งดูจะเป็นการระแวงซึ่งกันและกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย 2.ย่านรังสิต จะมีแผงวางขายทั้งหนังสือเก่า และ วีซีดี โดยบางครั้งวางไว้บนแผง และเมื่อมีการกวาดล้างก็จะวางแอบไว้ใต้แผง 3.แหล่งชอปปิ้งใต้สะพาน จะวางบนแผงหนังสือมือสอง รวมกับหนังสือเพลงเก่า โดยขายทั้งในรูปแบบของ วีซีดี และ การ์ตูน ซึ่งผู้ซื้อต้องใช้ความคุ้นเคย หรือเป็นขาประจำ จึงจะเป็นที่จดจำและนำไปสู่การซื้อขาย” ธนัย อธิบาย
** สร้างจินตนาการเสียวผ่าน sex phone
อย่างไรก็ตาม นอกจากหนังสือแล้ว ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาท และเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายมากขึ้น อย่างเช่น “การศึกษาเพศวิถีของคนไทยจากบริการ sex phone” จากผลการศึกษาของ กรรณิการ์ ศิริรักษ์ จากบริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
กรรณิการ์ บอกว่า สิ่งยั่วยุทางเพศมีมากทั้ง วิดีโอโป๊ อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะบริการ sex phone ซึ่งเป็นบริการที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากเพียงแค่ยกหูโทรศัพท์ คำถามที่ถูกตั้งขึ้นคือ ทำไมผู้หญิงถึงยอมทำ ทั้งแบบเต็มใจและไม่เต็มใจ แล้วทำไมผู้ชายบางคนถึงใช้บริการทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงแค่จินตนาการ
จากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ยอมทำแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1.พวกโสเภณี และเด็กใจแตก คือ มีความต้องการขายบริการทางเพศอยู่แล้ว แต่ใช้บริการ sex phone บังหน้าเพื่อหากลุ่มลูกค้าใหม่ หรือ 2.พวกมือสมัครเล่น ที่เข้ามาเพื่อความอยากรู้อยากลอง คนที่รับได้ก็ให้บริการต่อไป ส่วนผู้ที่รับไม่ได้ก็เลิกทำ และสุดท้าย 3.พวกมีงานประจำทำอยู่แล้ว แต่อยากหารายได้เสริม หรือต้องการปลดปล่อยอารมณ์ของตน
ส่วนที่ผู้ชายใช้บริการเนื่องจากปัจจัยหลายข้อ ได้แก่ 1.ผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม เช่น ความต้องการกับบุคคลในครอบครัว ความต้องการทางเพศแบบซาดิสต์ หรือแบบแปลกๆ เช่น มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ 2.ผู้ชายที่มีปมด้อยทางร่างกาย เช่น อวัยวะเพศเล็ก ทำให้ไม่กล้าที่จะไปมีเพศสัมพันธ์กับใคร 3.ผู้ชายไม่กล้าไปเที่ยวผู้หญิง เพราะกลัวโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงใช้บริการเสริมนี้แทน และ 4.เพื่อต้องการเตรียมตัวอุ่นเครื่องก่อนมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา เป็นการเร้าอารมณ์ล่วงหน้าก่อนปฏิบัติการจริง
“ตามความคิดแล้วบริการเช่นนี้เป็นเหมือนดาบสองคม มีทั้งผลดีและผลเสีย สำหรับเยาวชนนั้นต้องรอให้ถึงวันที่เราพร้อมที่จะใช้บริการ แต่หากยังไม่พร้อมยังเป็นเด็ก มาใช้บริการ ก็น่าห่วง เพราะจะเป็นผลที่สะสม เมื่อเด็กคุยแล้วไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์ได้แอบช่วยตัวเอง จนบางครั้งเลยเถิดถึงขั้นอยากมีเพศสัมพันธ์จริงๆ และอาจทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมาทั้งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ถูกล่อลวง รุมโทรม”
“ปัจจุบันบริการเซ็กซ์โฟนในรูปแบบระบบ 1900 ได้ถูกปิดลงหมดแล้วจากการที่สังคม และมูลนิธิกระจกเงา ได้ตระหนักถึงปัญหาและผลเสียของบริการนี้ โดยพบได้จากสถิติว่ามีเด็กมากมายที่ถูกล่อลวงออกจากบ้านและกลายเป็นเด็กสูญหาย จากการนัดเจอกันหลังจากการคุยแชตไลน์กัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรง ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมต่างๆ ตามมาอีกมากมาย” กรรณิการ์ฝากทิ้งท้าย
** พื้นที่บนโลกไซเบอร์ ของชาวสีม่วง
“แคมฟร็อก” ก็เป็นโปรแกรมหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากในการใช้เป็นพื้นที่เพื่อปลดปล่อยสภาวะทางอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชายรักชาย ดังที่ รณภูมิ สามัคคีคารมย์ นักวิจัยประจำโครงการจัดตั้งสำนักงานศึกษานโยบายสาธารณสุข สวัสดิการ และสังคม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล ที่ได้ทำการศึกษาในเรื่องของ “แคมฟร็อก กับ เพศวิถีของวัยรุ่นชายรักชาย พื้นที่ไซเบอร์ของโครงสร้างอำนาจและอำนาจในตน”
รณภูมิ บอกว่า โปรแกรมนี้ใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย เช่น การประชุมร่วมกัน เป็นพื้นที่ในการติดต่อ สื่อสารกันของคนพิการหูหนวก เป็นใบ้ หรือที่วัยรุ่นใช้เป็นพื้นที่ในการสนทนากันเพื่อหาเพื่อนคุย แก้เหงา โดยห้องสนทนาในโปรแกรมนี้จะถูกแบ่งออกเป็นหลายห้อง แต่สำหรับห้องที่มีวัยรุ่นเข้าไปใช้บริการมาก คือ ห้องสนทนาสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีจำนวนห้องมากกว่า 300 ห้อง พร้อมทั้งมีคนเข้ามาเล่นมากกว่า 3,000 คนต่อวัน แต่สิ่งที่พบในพื้นที่นี้ คือ ห้องสนทนาที่มีไว้สำหรับเพศวิถีแบบชายรักชาย ที่มีกว่า 50 ห้อง ซึ่งก็มีสมาชิกกว่า 1,000 คนต่อวัน แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมทางเพศในพื้นที่ของห้องสนทนาแคมฟร็อกมีมากกว่าเพศวิถีแบบรักต่างเพศ ชาย หญิง
อัตลักษณ์ทางเพศภาวะ และเพศวิถีแบบชายรักชายนั้นจะเกิดขึ้นผ่านการแสดงออกให้เห็น เช่น การถอดเสื้อผ้า การเต้นที่เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว ที่โชว์รูปร่าง รวมถึงการดู (ส่อง) คนอื่นที่แสดงออก อีกทั้งการช่วยตนเอง หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก ผ่านหน้าจอออนไลน์
“กลุ่มชายรักชาย ใช้พื้นที่แคมฟร็อกในการแสดงออก ซึ่งอัตลักษณ์ทางเพศภาวะ และเพศวิถี และเป็นพื้นที่ในการตอบสนองความต้องการ ความปรารถนา ความรื่นรมย์ และความสุขทางเพศ ซึ่งก็คือบริบทเสริมต่อสุขภาวะทางเพศนั่นเอง แต่การแสดงออกเช่นนั้น กลับทำให้กลุ่มชายรักชายขาดการตระหนักถึงสุขภาวะทางเพศในมิติอื่นๆ เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะทางเพศ เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ปราศจากการบังคับและความรุนแรง รวมทั้งการเข้าถึงและเลือกเครื่องมือป้องกันโรค ดังนั้น พื้นที่แคมฟร็อกจึงสามารถเป็นได้ทั้งบริบทเสริม และเสี่ยงต่อสุขภาวะทางเพศของผู้ที่เล่น” รณภูมิ สรุป
**รสนิยมที่เปลี่ยนไปของชาวเกย์
นอกจากนี้ สหะโรจน์ กิตติมหาเจริญ นิสิตปริญญาเอก สาขาวิชาวรรณคดีและวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นอีกคนหนึ่งที่ศึกษาในเรื่องของ “ผู้ชายขายแรง กับเรื่องเล่าออนไลน์ การค้นหา ความสุขของชาวสีม่วง”
สหโรจน์ อธิบายให้ฟังว่า งานชิ้นนี้ศึกษาจากพฤติกรรมของกลุ่มเกย์ หรือกลุ่มชายรักชาย ที่มีรสนิยมที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็น “ขาวตี๋ หุ่นล่ำ” หรือ “หนุ่มไทย คมเข้ม” แต่ในปัจจุบันการค้นหาความสุขทางเพศของชาวเกย์ ที่นำเสนอจากการอ่านเรื่องเล่าในโลกออนไลน์ พบว่า รสนิยมของผู้ชายในลักษณะของ “ผู้ชายขายแรง” ที่นิยามว่าเป็น ผู้ชายที่ต้องใช้แรงงานหรือกำลังกายเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่ใช่อาชีพขายบริการทางเพศ เช่น กรรมกรก่อสร้าง คนงาน พนักงานรักษาความปลอดภัย นักมวย คนขับรถตู้ คนขับรถแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่จะเน้นรูปร่างหนาบึกบึน ไม่ต้องใช้เสื้อผ้าดีๆ เพื่ออำพรางหรือสร้างรูปลักษณ์ให้ดูดี เพราะรูปร่างนี้เองที่ดึงดูดความสนใจให้กับเพศที่สาม
สหะโรจน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า จากการศึกษาพบเกย์บางคนที่ชื่นชอบชายผู้ใช้แรงงาน นอกเหนือไปจากเรือนร่างแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะว่า การที่กลุ่มเกย์จะมีโอกาสได้ร่วมเพศหรือได้เห็นภาพอวัยวะเพศของผู้ชายจริงๆ บางคนนั้น เป็นเรื่องยาก เนื่องจากผู้ชายแท้บางคนที่มีหน้าตาดีมักจะเล่นตัว แต่ถ้าเป็นชายผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ ที่มีหน้าตาธรรมดาๆ และไม่ค่อยเล่นตัว จะทำให้กลุ่มเกย์สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้ง่าย และเป็นบันไดสานสัมพันธ์ไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้
“โลกออนไลน์จึงเป็นพื้นที่ในการนำเสนอเรื่องเล่าเหล่านั้น เพื่อเป็นการตอบสนองอารมณ์ทางเพศแก่ผู้ที่เข้าไปอ่าน เพราะมีความอยากรู้ว่าเรื่องเล่านั้นนำเสนออะไร เมื่ออ่านแล้วผู้อ่านอาจตอบสนองอารมณ์ทางเพศ ปลดปล่อยอารมณ์โดยการสำเร็จความใคร่ และสามารถสร้างจินตนาตามจากเรื่องเล่า ดังนั้น พื้นที่นี้จึงเป็นการสร้างโลกของความสุขทางเพศอย่างหนึ่งนอกเหนือไปจากคลิปจากโทรศัพท์มือถือ คลิปวิดีโอ ภาพที่ก่อให้เกิดการยั่วยุอารมณ์ทางเพศต่างๆ ซึ่งสงวนไว้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น” สหะโรจน์ ฝากทิ้งท้าย