เลขาฯ สปสช.เผย ปี 51 เป็นปีแรกที่ สปสช.จัดงบรายหัวเพื่อบริการแพทย์แผนไทย เพื่อพัฒนาการบริการให้ครอบคลุมคนไทย เน้นบูรณาการภูมิปัญญาไทยเข้ากับการแพทย์กระแสหลัก ใช้งบประมาณรวมกว่า 74 ล้านบาท ดำเนินการจัดสรรงบกระจายอำนาจให้จังหวัดดำเนินการ
นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ว่า ในปีงบประมาณ 2551 งบประมาณรายหัวในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ได้รับ คือ 2,100 บาทต่อประชากร เพิ่มจากเดิม 200.31 บาทต่อคน
โดยในปีนี้เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณสมทบการการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เพื่อส่งเสริมการให้บริการดังกล่าวในสถานพยาบาลต่างๆ ในอัตรา 1 บาทต่อประชากร หรือ 46.477 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบสนับสนุนปี 2550 จำนวน 28.2 ล้านบาท ทำให้มีงบประมาณดำเนินการเรื่องนี้ 74.677 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งเป็นกองทุนสมทบค่าบริการการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยพัฒนาการแพทย์แผนไทยให้เป็นทางเลือกที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐาน สามารถพัฒนาร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเหมาะสม ทำให้ระบบสุขภาพมีความยั่งยืน และสามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า ในการดำเนินการนั้น คณะอนุกรรมการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้พัฒนารูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสนับสนุนการจัดบริการดังกล่าว ซึ่งเน้นการนวดเพื่อการรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพ และให้มีการปรับค่าบริการแพทย์แผนไทยเพื่อการรักษาและฟื้นฟูสภาพ จากอัตราครั้งละ 100 บาท เป็นชั่วโมงละ 200 บาทซึ่งการจัดสรรงบประมาณนั้น ได้กระจายอำนาจโดยให้มีการจัดตั้งเป็นกองทุนระดับจังหวัดในการเบิกจ่าย
ซึ่ง สปสช.จัดสรรล่วงหน้าให้ทุกจังหวัดคำนวณตามประชากรสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของแต่ละจังหวัด วงเงิน 8 ล้านบาท และจัดสรรงบประมาณตามปริมาณการให้บริการ วงเงิน 66.6 ล้านบาท ให้กับจังหวัดที่มีอัตราการใช้บริการสูงกว่าอัตราการใช้บริการเฉลี่ยในภาพรวมโดยหน่วยบริการที่ไม่จัดบริการการแพทย์แผนไทยจะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อการจูงใจหน่วยบริการนั่นเอง ทั้งนี้หน่วยบริการใดที่สนใจในการจัดบริการดังกล่าว สามารถขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ โดยติดต่อได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
“เดิมนั้นบริการการแพทย์แผนไทย ได้จัดในงบเหมาจ่ายรายหัวและอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์หนึ่งในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีการจัดสรรงบรายหัวให้เป็นการเฉพาะ ปีนี้เป็นปีแรกที่จัดสรรงบให้ก็เพื่อต้องการพัฒนาการบริการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกให้ทั่วถึงและครอบคลุมประชากร เพื่อเป็นการบูรณาการบริการร่วมกับระบบการแพทย์กระแสหลักให้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งเป็นการใช้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพด้วย” นายแพทย์สงวน กล่าว
นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ว่า ในปีงบประมาณ 2551 งบประมาณรายหัวในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ได้รับ คือ 2,100 บาทต่อประชากร เพิ่มจากเดิม 200.31 บาทต่อคน
โดยในปีนี้เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณสมทบการการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เพื่อส่งเสริมการให้บริการดังกล่าวในสถานพยาบาลต่างๆ ในอัตรา 1 บาทต่อประชากร หรือ 46.477 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบสนับสนุนปี 2550 จำนวน 28.2 ล้านบาท ทำให้มีงบประมาณดำเนินการเรื่องนี้ 74.677 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งเป็นกองทุนสมทบค่าบริการการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยพัฒนาการแพทย์แผนไทยให้เป็นทางเลือกที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐาน สามารถพัฒนาร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเหมาะสม ทำให้ระบบสุขภาพมีความยั่งยืน และสามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า ในการดำเนินการนั้น คณะอนุกรรมการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้พัฒนารูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสนับสนุนการจัดบริการดังกล่าว ซึ่งเน้นการนวดเพื่อการรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพ และให้มีการปรับค่าบริการแพทย์แผนไทยเพื่อการรักษาและฟื้นฟูสภาพ จากอัตราครั้งละ 100 บาท เป็นชั่วโมงละ 200 บาทซึ่งการจัดสรรงบประมาณนั้น ได้กระจายอำนาจโดยให้มีการจัดตั้งเป็นกองทุนระดับจังหวัดในการเบิกจ่าย
ซึ่ง สปสช.จัดสรรล่วงหน้าให้ทุกจังหวัดคำนวณตามประชากรสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของแต่ละจังหวัด วงเงิน 8 ล้านบาท และจัดสรรงบประมาณตามปริมาณการให้บริการ วงเงิน 66.6 ล้านบาท ให้กับจังหวัดที่มีอัตราการใช้บริการสูงกว่าอัตราการใช้บริการเฉลี่ยในภาพรวมโดยหน่วยบริการที่ไม่จัดบริการการแพทย์แผนไทยจะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อการจูงใจหน่วยบริการนั่นเอง ทั้งนี้หน่วยบริการใดที่สนใจในการจัดบริการดังกล่าว สามารถขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ โดยติดต่อได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
“เดิมนั้นบริการการแพทย์แผนไทย ได้จัดในงบเหมาจ่ายรายหัวและอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์หนึ่งในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีการจัดสรรงบรายหัวให้เป็นการเฉพาะ ปีนี้เป็นปีแรกที่จัดสรรงบให้ก็เพื่อต้องการพัฒนาการบริการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกให้ทั่วถึงและครอบคลุมประชากร เพื่อเป็นการบูรณาการบริการร่วมกับระบบการแพทย์กระแสหลักให้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งเป็นการใช้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพด้วย” นายแพทย์สงวน กล่าว