กต.แถลงสถานการณ์หลังหยุดยิงครบ 72 ชม. ฝ่ายไทยพบโดรนกัมพูชาล้ำแดน ละเมิดถ้อยแถลงร่วมข้อ 6 แต่ล่าสุดกัมพูชาได้ประกาศห้ามบินโดรนแล้ว ฝ่ายความมั่นคงจะพิจารณาปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย คาดเร็วๆ นี้ ส่วนการประชุม JBC ต้องรอเก็บกู้ทุ่นระเบิดก่อน และขณะนี้รัฐบาลรักษาการไม่สามารถส่งตัวแทนเข้าประชุมได้
วันนี้ (30 ธ.ค. 2568) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวภายหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต เกี่ยวกับการประชุมสามฝ่ายและพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้บรรยายสรุปสถานการณ์ล่าสุด โดยเฉพาะการเดินทางเยือนมณฑลยูนนาน ซึ่งมีคณะทูตจาก 60 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การระหว่างประเทศ รวม 78 คน เข้าร่วมรับฟัง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า สาระสำคัญของการบรรยายสรุปแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ผลการเยือนจีน การดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วมของการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ และแนวทางการเดินหน้าหลังการหยุดยิง
ในส่วนของการเยือนจีน ไทยได้หารือทวิภาคีกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน โดยฝ่ายไทยขอบคุณจีนที่สนับสนุนสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชาในแนวทางแบบเอเชีย ขณะที่ฝ่ายจีนแสดงความยินดีต่อการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน และพร้อมเป็นช่องทางสนับสนุนสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างสองประเทศ
สำหรับการประชุมไตรภาคี ไทย–กัมพูชา–จีน ทั้งสามฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดภายหลังข้อตกลงหยุดยิง แนวทางการส่งเสริมการหยุดยิงอย่างแท้จริง และการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ความร่วมมือ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
ฝ่ายไทยย้ำความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับกัมพูชาอย่างเป็นขั้นตอนหลังการหยุดยิง โดยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ ต้องการสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลและประชาชนทั้งสองประเทศ ผ่านมาตรการต่าง ๆ อาทิ การลดการเผชิญหน้า การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างปลอดภัย
ด้านฝ่ายจีนยินดีกับความสำเร็จของทั้งสองประเทศที่สามารถบรรลุข้อตกลงผ่านกลไกทวิภาคี และพร้อมสนับสนุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ผ่านคณะทำงานประสานงานร่วม ความร่วมมือทวิภาคี รวมถึงคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) โดยกองทัพจีนพร้อมประสานกับกองทัพไทยและกัมพูชา หากได้รับการร้องขอ เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของการหยุดยิง
ประเด็นที่สอง นายนิกรเดช กล่าวถึงการดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วมของการประชุม GBC สมัยพิเศษ ซึ่งได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีผลตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. 2568 และกำหนดเฝ้าสังเกตการณ์ 72 ชั่วโมง ซึ่งครบกำหนดในเวลา 12.00 น. ของวันนี้
ที่ผ่านมาไทยปฏิบัติตามถ้อยแถลงอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงตรวจพบโดรนของกัมพูชาบินล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทย เข้าข่ายละเมิดถ้อยแถลงร่วมข้อ 6 ไทยจึงอยู่ระหว่างพิจารณาการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย โดยมีการสื่อสารโดยตรงระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศแล้ว ตามข้อ 14 ของถ้อยแถลงร่วม ทั้งนี้ กัมพูชาได้ออกประกาศห้ามบินโดรนในประเทศ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาแล้ว ส่วนกำหนดการปล่อยตัวขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายความมั่นคง คาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ประเด็นสุดท้าย ไทยและกัมพูชาจำเป็นต้องเคารพและปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วมอย่างเคร่งครัด โดยดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดครั้งล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ และในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ไทยจะรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง พร้อมยื่นหนังสือประท้วงต่อกัมพูชา จากการประเมินเชื่อว่ายังมีทุ่นระเบิดอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ทหารไทยเข้าควบคุมไว้ก่อนหยุดยิง ซึ่งหากทหารไทยประสบเหตุอีกครั้ง ก็จะทำการประท้วงต่อไป ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่มีผลทางกฎหมายและการทูตอย่างชัดเจน
นายนิกรเดช เน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงและฝ่ายปกครองจะร่วมกันประเมินสถานการณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงแนวทางรับมือ หากเกิดการปะทะหลังครบกำหนด 72 ชั่วโมง นายนิกรเดช กล่าวว่า หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น โดยกลไกที่ตกลงกันใน GBC เช่น ฮอตไลน์ระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศ และกลไกของกระทรวงการต่างประเทศ ยังสามารถใช้ประสานงานได้ ซึ่งถ้อยแถลงร่วมของ GBC จะเป็นกรอบกำกับการดำเนินการต่อไป
สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ที่ฝ่ายกัมพูชาเร่งให้เกิดขึ้นโดยเร็ว นายนิกรเดช ระบุว่า สิ่งที่กัมพูชาเสนอเกิดขึ้นก่อนการประชุมอาเซียนและการประชุม GBC ข้อเสนอนี้ต้องถูกทบทวนเนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยเห็นด้วยกับการใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหา แต่วันนี้มีปัญหาคนไทยโดนทุ่นระเบิดไปจำนวน 11 ราย เพราะฉะนั้นการประชุมต้องให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นลำดับแรก เนื่องจากไม่สามารถหารือเรื่องการปักปันเขตแดนในพื้นที่ที่ยังมีทุ่นระเบิดอยู่ อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลอยู่ในสถานะรักษาการ จึงอาจยังไม่สามารถส่งผู้แทนเข้าร่วมการเจรจาได้ในช่วงนี้


