รมว.กลาโหมแจงหยุดยิงไทย-กัมพูชา เพื่อเปิดโอกาสใช้แนวทางสันติวิธี ผ่านเวทีการทูต เพื่อคลี่คลายปัญหาอย่างยั่งยืน หลังไทยควบคุมพื้นที่ได้ครบถ้วนแล้ว ย้ำรัฐบาลตัดสินใจบนหลักอธิปไตย เข้าใจความรู้สึกโกรธ เจ็บปวด ของประชาชนต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมา การเสียสละของกำลังพลจะไม่สูญเปล่า เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ต้องดูแล
วันนี้ (27 ธ.ค. 2568) เวลา 11.30 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 ระหว่างไทย-กัมพูชา ณ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี โดยยืนยันว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมกำหนดให้มีการหยุดยิงอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันนี้ พร้อมมีการสังเกตการณ์การหยุดยิงเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตลอดสถานการณ์ที่ผ่านมา กองทัพไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย ปกป้องประชาชน และรักษาเกียรติภูมิของประเทศชาติอย่างเต็มที่ โดยเหตุปะทะเริ่มจากการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชา ส่งผลให้กำลังพลไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ไทยจึงตอบโต้ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
สำหรับการหยุดยิง ฝ่ายไทยกำหนดเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1.การหยุดยิงต้องเป็นไปอย่างเป็นทางการและจริงใจ โดยแม้กัมพูชาจะเสนอหยุดยิงในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เวลา 22.00 น. โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ฝ่ายไทยเห็นว่าจำเป็นต้องมีกรอบที่ชัดเจน จึงเป็นที่มาของการประชุม GBC ครั้งนี้ และการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาในระดับทวิภาคีอย่างแท้จริง
2.การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันนี้ (27 ธ.ค. 2568) โดยทั้งสองฝ่ายยังคงกำลังทหารอยู่ในพื้นที่ปัจจุบัน ห้ามเคลื่อนย้าย เสริมกำลัง หรือกระทำการโจมตีและยั่วยุซ้ำ พร้อมมีการสังเกตการณ์การหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เพื่อยืนยันว่าความสงบกลับคืน และประชาชนมีความปลอดภัย
3.เมื่อสิ้นสุดสถานะการเป็นปฏิปักษ์ ไทยจะปล่อยตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย ตามหลักการสากล
พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า กองทัพไทยสามารถควบคุมพื้นที่ตามที่กำหนดไว้ได้ครบถ้วนแล้ว การเสียสละของกำลังพลจะต้องไม่สูญเปล่า พร้อมคำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีระหว่างประเทศควบคู่กันไป
“ผมตระหนักถึงชีวิตและเลือดเนื้อของทหารที่เสียสละเพื่อพิทักษ์ประชาธิปไตยและประเทศชาติ ผมเป็นทหารมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าการปกป้องประเทศคือเกียรติสูงสุด” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ในส่วนกลไกติดตามการหยุดยิง จะมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) และสำนักงานประสานงานชายแดนของทั้งสองประเทศทำหน้าที่ในระดับพื้นที่ โดยมีการสื่อสารโดยตรงผ่านสายด่วนระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองฝ่าย หากเกิดปัญหาจำเป็น ผู้แทนของทั้งสองประเทศจะลงพื้นที่ร่วมกัน พร้อมกำหนดให้ทีมสื่อสารของทั้งสองฝ่ายทำงานใกล้ชิด เพื่อป้องกันข่าวบิดเบือน
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องให้ลดความตึงเครียดผ่านคณะทำงานร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (JTCF) เพื่อความปลอดภัย ก่อนดำเนินการจัดทำหลักเขตแดนในขั้นตอนต่อไป โดยย้ำว่าข้อตกลงดังกล่าวยังคงยึดหลักข้อตกลงทวิภาคี อนุสัญญาออตตาวา และความร่วมมือในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติอย่างต่อเนื่อง
พล.อ.ณัฐพล กล่าวทิ้งท้ายว่า เข้าใจความรู้สึกโกรธ เจ็บปวด และความห่วงใยของประชาชนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าการสูญเสียกำลังพลไม่ใช่เพียงตัวเลข แต่เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลในการดูแลอย่างเต็มที่
“ขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนว่า การหยุดยิงครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ใช้แนวทางสันติวิธี ผ่านเวทีการทูต เพื่อคลี่คลายปัญหาอย่างยั่งยืน การตัดสินใจของรัฐบาลตั้งอยู่บนอธิปไตย ความปลอดภัย และการใช้ชีวิตตามปกติของประชาชนเป็นสำคัญ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำ


