"ซาบีดา" ชูนโยบาย “ศึกษาเท่าเทียมพลัส” ลั่นเรียนฟรีมีจริง เรียนฟรีมีงานทำ เปิดแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ - Skill Bridge ชูมาตรการหนุน “สูงวัยพลัส” มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ มีเงินออม ดัน 1 หมู่บ้าน 1 พยาบาลอาสา เล็งสร้าง 1 อำเภอ 1 ศูนย์บำบัดยาเสพติด เพราะการบำบัดยาเสพติดไม่ควรอยู่ไกลบ้าน
วันนี้(24 ธ.ค.) ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวในการแสดงวิสัยทัศน์นโยบายของพรรคตอนหนึ่งว่า เคยได้ยินคำว่าประเทศไทยจะเป็นเสือตัวที่ 5 มาตั้งแต่ชั้นประถม แต่ผ่านไปแล้วกว่า 30 ปี เสือตัวที่ 5 ของเอเชียก็ยังไม่เกิดขึ้น ประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวผ่านกับดักประเทศรายได้ปานกลาง หัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศให้หลุดพ้นจากกับดักนี้ คือการเพิ่มทักษะความสามารถให้กับแรงงานควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีการลงทุนในทุนมนุษย์อย่างจริงจัง ซึ่งทรัพยากรมีค่าที่ที่สุด คือทรัพยากรมนุษย์เพราะฉะนั้นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์คือสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษา แต่ประเทศจะไปต่อได้ ก็ต่อเมื่อทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงการศึกษา โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวที่มีรายได้น้อย นักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานที่ต้องการทักษะใหม่ๆ ต้องแบกรับ ค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม หากมีปัญหาการศึกษาทางโครงสร้างประเทศไทยก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พรรคภูมิใจไทยจึงเสนอแนวคิดการศึกษาเท่าเทียม พลัส เพื่อทำให้เรียนฟรีมีจริง เรียนฟรีมีงานทำ เรียนฟรีได้ทุกที่ทุกเวลา
น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า การศึกษาเท่าเทียม พลัสที่ 1 คือ การเปิดประตูไปสู่ความรู้ พรรคภูมิใจไทยเสนอที่จะสร้างแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ฟรี หรือ 1 แพลตฟอร์ม 1,000,000 ความรู้ ที่จะรวมความรู้ทันสมัย ครอบคลุมการศึกษาทุกระดับ และทุกคนสามารถเรียนได้ฟรี ไม่มีการคิดค่าอินเตอร์เน็ต
การศึกษาเท่าเทียม พลัสที่ 2 คือ Skill Bridge หรือ สะพานที่จะพาคนไทยข้ามไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ทักษะที่เรียนในอดีตไม่สามารถใช้ได้กับโลกปัจจุบัน ระบบการเรียนที่ผ่านมาเป็นการยัดเยียดผู้เรียนไม่สามารถพูดได้ว่าจะเรียนอะไร หรือต้องการเรียกว่าต้องการทักษะอะไร เป็นการเรียนตามดีมานด์ ไม่ได้เรียนตามซัพพลาย เด็กจึงขาดทักษะตามตลาดแรงงานต้องการ
ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยมีทางออกคือ นโยบาย Skill Bridge ที่จะเป็นสะพานข้ามไปสู่อนาคตที่ดีกว่า โดยที่เราจะพัฒนาแพลตฟอร์ม Up Skill แห่งชาติ โดยเป็นแพลตฟอร์มแห่งรัฐที่จะยกระดับทักษะของคนในประเทศ หัวใจของนโยบายนี้จะเน้นไปที่ 3 แกนหลัก คือ 1.ทักษะ 2.เน้นงาน 3. มีรายได้
น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ หลักสูตร และทักษะทั้งหมดในแพลตฟอร์มนี้ จะมีบริษัทชั้นนำทางภาคเอกชน ร่วมออกแบบกับสถาบันการศึกษา เหมือนกับประเศทสิงคโปร์ เพื่อเป็นใบเบิกทางในการเปลี่ยนงาน และยกระดับรายได้ได้จริง เปลี่ยนจากเรียนจบแต่ตกงาน เป็นเรียนจบมีงานทำ
พลัสที่ 3 คือ ธนาคารหน่วยกิต เป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้เด็กไทยได้เรียนรู้ในหลากหลายสาขาโดยที่ไม่ถูกตีกรอบ จะใส่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อคุณสอบผ่านสามารถที่จะสะสมหน่วยกิตไว้ในธนาคารหน่วยกิตนี้ เมื่อเก็บหน่วยกิตครบตามที่กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กำหนด จะได้มีการออกวุฒิการศึกษา ดังนั้น เรียนฟรีมีจริง เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา จะเกิดขึ้นจริง ถ้าคุณเลือกพรรคภูมิใจไทย พรรคภูมิใจไทยเราให้คุณค่ากับทุกคน การที่เราจะให้คุณค่า เราต้องมีเครื่องมือที่ถูกต้องก่อน และพรรคภูมิใจไทยจะเป็นเครื่องมือที่จะทำให้คนเหล่านี้ลุกขึ้นยืนและเป็นกำลังของชาติได้ต่อไป
น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า นโยบายถัดมา คือนโยบายสูงวัยพลัส ที่เราให้ความสำคัญกับการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ที่ผ่านมาเราอาจจะมุมมองต่อผู้สูงอายุ ที่มีความแตกต่างกันออกไป พรรคภูมิใจไทยของเรามองว่า ผู้ที่สูงอายุนั้นเป็นผู้ที่มีคุณูปการมหาศาลเรามีนโยบายที่จะดูแล บริหารจัดการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุได้อย่างเป็นระบบ ผู้สูงอายุจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้อย่างแน่นอน นโยบายสูงวันพลัส ประกอบด้วย 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1.จ้างงานผู้สูงอายุในภาคเอกชนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สองเท่าสูงสุด 30,000 บาท ตามอัตราที่จ้างจริง ซึ่งนอกจากบริษัทจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว จะได้การจ้างงานผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย 2.สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อปี จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50 % ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุหลายแสนคน เนื่องจากว่าข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ว่า ผู้สูงอายุ 2 ใน 3 ของประเทศ ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินออม การลดหย่อนภาษีนี้จะเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้สูงอายุมีเงินออกมากขึ้น สามารถนำเงินเหล่านี้ไปใช้ในด้านอื่นๆที่มีความจำเป็น
3.มาตรการ 1 หมู่บ้าน 1 พยาบาลอาสา เงินเดือน 15,000 บาท 100,000 อัตรา อัตราจ้างขั้นต่ำ 4 ปี เป็นมาตรการที่จัดจ้างผู้ที่จบการศึกษา ทั้งด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา หรือทางด้านพยาบาล หรืออื่นๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในการดูแลผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ พยาบาลอาสาจะเป็นการในการดูแล ผู้ป่วยติดเตียง ติดบ้าน รวมทั้ง หญิงตั้งครรภ์ โดยทำงานเชิงรุก แบบเคาะประตูบ้านทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ
4.การสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับและดูแลผู้สูงอายุที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะดึงศักยภาพของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศมามีส่วนร่วมในการสร้างระบบนิเวศในการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร โดยจะนำที่ดินของรัฐที่ถือครองทุกประเภท มาเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีความสนใจมาลงทุนสร้างศูนย์ฯ ในระยะยาวมาตรการนี้จะช่วยลดต้นทุนให้ภาคเอกชนแล้วยังส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุลดลงอีกด้วย ส่งเสริมการลงทุนและเกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น “ 60 พลัส เกษียณสำราญ มีงานทำเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ” ซึ่ง ทั้ง 4 มาตรการนี้ จะช่วยทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ได้ที่เพิ่มขึ้น ทำงานได้เพิ่มขึ้น และยิ้มได้พลัสมากขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย 1 อำเภอ 1 ศูนย์บำบัดยาเสพติด การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ที่ติดยาเสพติดเราจะไม่เรียกเขาว่า ผู้เสพ แต่เราจะเรียกเขาว่า ผู้ป่วย เพราะการบำบัดยาเสพติดไม่ควรอยู่ไกลบ้าน เพราะปัญหายาเสพติดไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว หลายครอบครัวต้องเจ็บ ต้องทน ต้องแก้ไขกันมานาน พรรคภูมิใจไทยจะไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องสู้เพียงลำพัง นโยบายนี้เพื่อนำการรักษาไปไว้ใกล้บ้าน ให้คนที่พลาดกลับคืนสู่ครอบครัว กลับคืนสู่สังคม ทำให้เขามีความรักและมีความหวังอีกครั้ง
น.ส.ซาบีดา ย้ำว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่นโยบายหาเสียงแต่เป็นนโยบายที่ พูดแล้วทำพลัส เป็นนโยบายที่จะนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่สดใส และมีความยั่งยืนต่อไป


