วางไทม์ไลน์ประชุม GBC ไทย-กัมพูชาที่จังหวัดจันทบุรี วันที่ 24 - 27 ธันวาคมนี้ กห.ชี้การหารือครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ฝ่ายกัมพูชา ระบุ แถลงการณ์อาเซียน ย้ำชัดถึงความสำคัญในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด หมดเวลากัมพูชาหาข้ออ้าง ชี้หากยังคงบ่ายเบี่ยง ไทยจะให้ AOT ตรวจสอบและร่วมประณาม
วันที่ 23 ธ.ค.พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกำหนดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา ว่าได้มีการกำหนดไทม์ไลน์การประชุมระหว่างวันที่ 24 - 27 ธันวาคม นี้ โดยในห้วงวันที่ 24 - 26 ธันวาคม จะเป็นการประชุมในระดับเลขานุการฯ จากนั้นวันที่ 27 ธันวาคม จะเป็นการประชุมในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นจะมีการลงนามในแถลงการณ์ และมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ส่วนสถานที่จัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย - กัมพูชา ในเบื้องต้นยังคงยืนยันว่าเป็นพื้นที่จังหวัดจันทบุรี แม้ว่าฝ่ายกัมพูชา จะเสนอให้จัดการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย แต่ฝ่ายไทยก็ยืนยันว่าการประชุมที่จังหวัดจันทบุรีมีความปลอดภัย รวมทั้งยังอยู่ในแผนที่เตรียมจัดการประชุมไว้ก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะรอบใหม่ ส่วนประเด็นที่จะหารือกันในที่ประชุม คือแนวทางแก้ไขปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการ การประชุมทั้งสองฝ่าย ที่จะต้องพูดคุยกัน
“ผลการประชุมจีบีซีจะสำเร็จได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา เพราะปัญหาทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นมาฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่ม และก็จะจบ หรือไม่ ก็อยู่ที่ฝ่ายกัมพูชาว่าจะแสดงความจริงใจและมีความต่อเนื่อง ในการยึดข้อตกลงที่ได้ทำด้วยกันมาหรือไม่ ตั้งแต่ Joint Declaration หรือข้อตกลงร่วมฯ หรือแม้กระทั่งผลการประชุมจีบีซีในรอบที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด ดังนั้นผลสำเร็จของการประชุมอยู่ที่กัมพูชาเป็นฝ่ายตกลงใจ” พลเรือตรี สุรสันต์ ระบุ
ส่วนกรณีที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียน ออกแถลงการณ์ระบุถึงความสำคัญของการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดระหว่างไทย - กัมพูชา จะทำให้ฝ่ายกัมพูชายังคงบ่ายเบี่ยงในประเด็นนี้ ต่อไปได้หรือไม่ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการแสดงความจริงใจของฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นอาวุธสังหารบุคคล และทุ่นระเบิดไม่ได้ทำร้ายเฉพาะพลทหาร แต่ยังส่งผลให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บด้วย เป็นสิ่งอันตรายที่จะต้องรีบเก็บกู้ ดังนั้นฝ่ายกัมพูชาจึงต้องแสดงความจริงใจต่อการดำเนินการดังกล่าว ข้ออ้างต่าง ๆ ของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้มาตลอด เช่น ขอให้มีการสำรวจและปักปันเขตแดนก่อน จึงค่อยร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเท่าใดนัก
"ฉะนั้น สิ่งที่กัมพูชาต้องทำ ก็คือแสดงความจริงใจ ในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เราแสดงให้เห็นอยู่หลายครั้งว่าทุ่นระเบิดมีความอันตราย โดยเฉพาะทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หากไม่เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ก็ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และยังส่งผลถึงครอบครัวของผู้เหยียบทุ่นระเบิด สร้างผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ของผู้ที่เหยียบทุ่นระเบิดและบุคคลรอบข้าง" โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำว่า เมื่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้รับรองแล้วว่าทุ่นระเบิดเป็นอาวุธและมีความอันตราย ฝ่ายไทยสามารถให้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ร่วมตรวจสอบ และประณามได้หากฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมปฏิบัติตาม


