ทบ.ไทยโต้กลับกัมพูชา ย้ำ PMN-2 ไม่เคยพบในพื้นที่มาก่อน พิสูจน์ชัดคือ “ทุ่นระเบิดใหม่” ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อ้างเป็นของเก่าตกค้างจากสงครามในอดีตฟังไม่ขึ้น
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา องค์การ CMAA ของกัมพูชาได้เผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ โดย ระบุว่า “กัมพูชาไม่ได้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนับตั้งแต่เป็นรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนเป็นเพียงทุ่นระเบิดที่หลงเหลือจากสงครามในอดีต ประเทศไทยดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดโดยลำพังไม่มีการประสานงานและขาดความโปร่งใส ปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดของกัมพูชาดำเนินการสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรม พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐภาคีส่งเสริมการสืบสวนทางเทคนิคโดยมีผู้เป็นกลางเข้าร่วม และยืนยันว่ากัมพูชามุ่งมั่นรักษาสันติภาพและปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาอย่างเคร่งครัด”
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจข้อเท็จจริงดังนี้
“ยืนยันว่าเป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่า โดยทุ่นระเบิดส่วนใหญ่ที่ตรวจพบในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งกรณีที่ฝ่ายไทยประสบเหตุได้รับบาดเจ็บแล้วจำนวน 7 ครั้งนั้น ล้วนเป็นทุ่นระเบิดที่เพิ่งถูกลอบวางใหม่ โดยฝ่ายไทยมีหลักฐานเชิงเทคนิคและข้อมูลเชิงประจักษ์รองรับ สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่ามิใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างมาจากสงครามในอดีตตามที่กัมพูชาอ้างแต่อย่างใด
การที่กัมพูชาพยายามอ้างว่าทุ่นระเบิดที่ตรวจพบเป็นทุ่นระเบิดที่หลงเหลือจากสงครามในอดีต ถือเป็นความพยายามบ่ายเบี่ยงและกล่าวอ้างเพื่อแก้ตัว ซึ่งไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เป็นเหตุผลที่ “ฟังไม่ขึ้น”
จากข้อมูลด้านยุทโธปกรณ์ พบว่าในห้วงสงครามภายในกัมพูชาในอดีต ไม่ปรากฏว่ามีการนำทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 มาใช้แต่อย่างใด เนื่องจากทุ่นระเบิดชนิดดังกล่าวเพิ่งถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้งาน หลังช่วงเวลาที่สงครามในอดีตของกัมพูชาได้ยุติลงแล้ว
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รายงานการสำรวจ พบ และเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่รายงานผ่านศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติของไทย (TMAC) ต่อกลไกภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ไม่เคยปรากฏว่ามีการพบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 อยู่ในพื้นที่รายงานดังกล่าวมาก่อนเลย
ข้อเท็จจริงเชิงประวัติศาสตร์และข้อมูลรายงานเหล่านี้ จึงขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำอ้างของกัมพูชาที่ระบุว่าเป็นทุ่นระเบิดจากสงครามในอดีต
ดังนั้น จึงบ่งชี้ได้ว่า กัมพูชาเพิกเฉยต่อหลักมนุษยธรรมจากการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยยังคงพยายามนำทุ่นระเบิดสังหารบุคคลมาวางในพื้นที่ใกล้แนวชายแดน เพื่อให้เกิดความสูญเสียแก่ฝ่ายไทย ไม่ว่าจะเป็นกำลังพลหรือประชาชน ย่อมสะท้อนอย่างชัดเจนว่ากัมพูชาไม่ได้คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมอย่างแท้จริง และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวา ตลอดจนหลักการด้านมนุษยธรรมสากลที่ทุกฝ่ายควรยึดถือร่วมกัน


