ข่าวปนคน คนนปนข่าว
++ “หนู” หน้ามึน !! จับ MOU43-44 เป็นตัวประกัน ต่อรองผลประโยชน์การเมือง
เปลี่ยนสีเร็วกว่าจิ้งจก ก็คือท่าทีและจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย กับเรื่องการยกเลิก MOU 43-44
เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านaมานี้ ช่วงที่ถูก“รัฐบาลอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ถีบไปเป็นฝ่ายค้าน ทั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค และ“ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรค ต่างประสานเสียง ต้องยกเลิก MOU43-44
เพราะ MOU 43 ยึดถือแผนที่ครั้งสมัยที่ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมของกัมพูชา ทำไว้คือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ขณะที่แผนที่ตามหลักสากลที่มีความละเอียดสูงกว่าที่ประเทศไทยยึดถือ คือมาตราส่วน 1ต่อ 5 หมื่น เมื่อถือแผนที่คนละฉบับ จึงทำให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิ ตลอดแนวชายแดน และนำมาสู่สงครามในวันนี้
ส่วน MOU 44 เป็นแผนที่ทางทะเลที่กัมพูชา ลากเส้นตามอำเภอใจ ไม่ยึดถือตามหลักสากลที่ต้องตั้งฉากกับแนวไหล่ทวีป จนไปทับเอา เกาะกูด หวังฮุบแหล่งทรัพยากรพลังงานในทะเล
เรื่องเหล่านี้ ทั้ง“อนุทิน-ไชยชนก” รู้ดี และรู้ด้วยว่า MOU43-44 สามารถยกเลิกโดยใช้มติ ครม.
แต่พอพรรคภูมิใจไทย ได้เป็นรัฐบาลกลับโยกโย้ บอกว่าต้องตั้งคณะกรรมาธิการมาศึกษาก่อน เพื่อนำข้อสรุปเข้าที่ประชุมครม. จากนั้นก็มีการตั้งทั้ง กมธ.ของวุฒิสภา และ กมธ.ของสภาผู้แทนฯ โดย กมธ.ของสภาผู้แทนฯ นั้น “ไชยชนก ชิดชอบ” นั่งเป็นประธานฯ เองเลย
พอศึกษาไปได้สักระยะหนึ่ง “ไชยชนก ชิดชอบ” ก็ลาออกจากกรรมาธิการฯ อ้างมีงานเยอะ ไม่มีเวลามาประชุมเรื่องนี้
ขณะที่“อนุทิน” ก็พูดใหม่ คราวนี้โยนภาระไปให้ประชาชน ...บอกว่าเรื่องจะยกเลิก MOU43-44 หรือไม่ ควรทำประชามติ ถามความเห็นประชาชนก่อน โดยสามารถทำไปพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่จะมีการทำประชามติเรื่องแก้ไข รัฐธรรมนูญด้วยอยู่แล้ว ก็พ่วงเรื่อง MOU เข้าไปอีกเรื่อง
ถึงวันนี้ (16 ธ.ค.) คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสีย การยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา ที่มี“นพดล อินนา” สว.เป็นประธาน ก็มี มติเอกฉันท์ ให้ยกเลิก MOU 44 ชี้ชัดว่ากระทบอธิปไตยของไทย พร้อมแจกแจงให้เห็นกันชัดๆ ถึง 7 ข้อ
1. เส้นเขตไหล่ทวีปพ.ศ.2515 ที่กัมพูชาลากเองตามอำเภอใจนั้น เป็นการละเมิดอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของไทยอย่างชัดแจ้ง จึงไม่สมควรที่จะนำเส้นเขตดังกล่าว เข้ามาเป็นกรอบในการเจรจาใดๆทั้งสิ้น
2. กัมพูชาแสดงเจตนารมณ์อันชัดแจ้งว่า “เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้
3. ไม่ปรากฏความคืบหน้า ในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
4. กัมพูชา ยังคงอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูดของไทย เมื่อพิจารณาหลักฐานต่างๆ แล้วเห็นเป็นที่แน่ชัดว่า กัมพูชา มีเจตนาที่จะฮุบเกาะกูดทั้งหมด หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ครึ่งหนึ่งของเกาะ
5. กรอบการเจรจาดังกล่าวนี้ ไม่สามารถนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ได้
6. MOU 44 พ้นลักษณะของข้อตกลงชั่วคราวไปแล้ว และได้กลายสภาพเป็นทางตันแทน
7. ปัจจัยสภาวะแวดล้อมทางการเมือง สังคม การขาดความจริงใจ จากกัมพูชาที่ส่งผลกระทบทางลบ และไม่เอื้ออำนวยต่อบรรยากาศในการเจรจาอีกต่อไป
นอกจากเสนอให้ ยกเลิก MOU 2544 ด้วยเหตุผล 7 ประการดังกล่าวแล้ว กมธ.ชุดนี้ยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติมมาด้วย อาทิ
หาก MOU44 มีการยกเลิกไป ต้องมีการออกมาตรการชั่วคราว เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีแนวทางในการดำเนินการใดๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจและสิทธิอธิปไตยทางทะเลของไทยทางโดยสมบูรณ์
กดดันกัมพูชาให้มาเจรจาแบ่งเขตทางทะเลให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ใช้มาตรการทางนาวิกานุภาพ กดดัน เช่น การปิดอ่าว ควบคุมเรือ สินค้าเข้าออกท่าเรือกัมพูชา
พิจารณาประกาศเส้นฐานตรงเพิ่มเติมให้ครอบคลุมตลอดแนวชายฝั่งของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอ่าวไทยทั้งด้านตะวันออก และตะวันตก
ศึกษาแนวทางในการกำหนดเขตทางทะเลระหว่างรัฐ โดยทำการศึกษาจากผลการพิจารณาตัดสินทั้งจากของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเจรจากำหนดเขตทางทะเลต่อไป
เมื่อ กมธ.วุฒิสภา มีข้อสรุปออกมาอย่างนี้ “อนุทิน”กลับเปลี่ยนท่าทีไปอีก คือ นอกจากจะไม่ใช้มติครม.ในการยกเลิกแล้ว ที่เคยบอกว่าจะทำประชามติ พร้อมเลือกตั้งก็ไม่ทำแล้ว
อ้างว่าว่า มีความเห็นจากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา บอกว่า เรื่องนี้อาจจะไปผูกพันรัฐบาลหน้า ซึ่ง จากการหารือ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยง จึงให้ถอนเรื่องออจากการพิจารณาของครม.ไปก่อน
สรุป คือในช่วงนี้ ครม.จะยังไม่ทำคำถามเรื่องประชามติยกเลิก MOU43-44 โดยโยนไปให้รัฐบาลใหม่ หลังการเลือกตั้งเป็นคนทำ ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะทำหรือไม่ ... แต่ถ้าอยากให้รัฐบาลนี้ทำต่อ ก็ต้องเลือกพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเยอะๆ
เมื่อย้อนทวนดูพฤติกรรมของ “อนุทินและพรรคภูมิใจไทย” ตามที่ยกมาให้เห็นตั้งแต่ต้นแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าคนพวกนี้ไม่มีความจริงใจในการยกเลิก MOU43-44 แถมยังฉวยโอกาส เอาเรื่องนี้มาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองอย่างหน้ามึนที่สุด!!
เลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสของประชาชน ที่จะให้บทเรียนแก่ “อนุทิน และพรรคภูมิใจไทย”
++ “ลูกเจ๊แดง–สมชาย หลานทักษิณ”‘เต้น’ โยนถาม…เอามั้ย “ดร.ยศชนัน” นายกฯ สายวิทย์ !?
ในที่สุด พรรคเพื่อไทยก็เปิดไพ่... ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น นายกรัฐมนตรีของพรรค 3 ราย และหนึ่งในชื่อที่ถูกจับตาทันที คือ “ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์”
ชื่อชั้นไม่ธรรมดา “ดร.ยศชนัน” คือบุตรชายของ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์”
หรือที่สังคมการเมืองรู้จักกันดีในนาม “เจ๊แดง”
เท่ากับว่าเขาคือ หลานของ “ทักษิณ ชินวัตร” สายตรงเจ้าของพรรคเพื่อไทย
แต่ถ้าดูแค่สายตระกูล อาจยังไม่พอจะนิยามตัวตนของชายวัย 46 คนนี้
เส้นทางชีวิตของ “ดร.ยศชนัน” เริ่มจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนก้าวเข้าสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ม.ธรรมศาสตร์ จากนั้นบินลัดฟ้าไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท และปริญญาเอก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ที่ University of Texas at Arlington สหรัฐอเมริกา
หัวข้อดุษฎีนิพนธ์ของเขา ไม่ใช่การเมือง ไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นงานวิจัยเชิงลึกด้าน การใช้สัญญาณสมองเพื่อช่วยเหลือผู้พิการ
สะท้อนภาพนักวิทยาศาสตร์เต็มตัว มากกว่านักการเมืองอาชีพ
“ดร.ยศชนัน” เคยลองก้าวเข้าสู่สนามการเมืองลงสมัคร ส.ส. เชียงใหม่ เขต 3 ในการเลือกตั้งปี 2557 แต่การเลือกตั้งครั้งนั้น ถูกวินิจฉัยให้เป็นโมฆะ เส้นทางการเมืองจึงหยุดลงชั่วคราว
ต่อมา ในช่วงการปรับครม.รัฐบาลแพทองธาร มีกระแสข่าวว่าเขาอาจถูกทาบทามให้รับตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ แต่ “ดร.ยศชนัน” ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อมรับตำแหน่งทางการเมือง และขอทุ่มเทให้กับงานด้านวิชาการ รวมถึงการพัฒนาการศึกษาเชิงโครงสร้างในบทบาทที่ทำอยู่
อย่างไรก็ตาม ชื่อของเขายังไม่หายไปจากแวดวงการเมือง เมื่อเดือนม.ค.68 คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง “ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ด้านบริหารจัดการและบุคลากร
และเมื่อ "ทักษิณ" เลือกหลานตัวเอง "ดร.ยศชนัน" ชิงนายกฯ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ "ไพร่ผู้ภักดี" อย่าง "เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จึงโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โยนคำถามถึงคนไทยในทำนองว่า... ประเทศไทยมีนายกฯ มาแล้ว 32 คน
เป็นทหาร 9 คน ที่เหลือคือนักกฎหมาย นักธุรกิจ นักการเมือง
แต่ ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีที่เป็น “นักวิทยาศาสตร์”
ก่อนจะเสนอชื่อ “ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” พร้อมทิ้งคำถามว่า…ลองใช้นักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาประเทศกันไหม!?
คำถามนี้ไม่ใช่แค่การโปรโมต "อวย" สายตรงนายใหญ่ แต่หวังผลให้ท้าทายความคิดของสังคมไทย ในยามที่พรรคเพื่อไทย ไม่มีอะไรเป็นจุดขาย บ้างก็ว่าอยู่ในช่วงขาลง
โอกาสที่ "ดร.ยศชนัน" จะไปถึงดวงดาวหรือไม่ ยังเป็นเครื่องหมายคำถามว่า เพื่อไทยจะชนะศึกเลือกตั้งได้แค่ไหน !?
ที่แน่ๆ..แม้โปรไฟล์จะดี ดีกรีเป็นนักวิทย์ แต่คนน่าจะตะหงิดๆ กับภาพ “ลูกเจ๊แดง–สมชาย หลานทักษิณ” ไม่ต้องสืบ!!


