ผู้ป่วยหญิงร้อง”ทนายเชาว์“รพ.เอกชนชื่อดังผ่าตัดผิดตำแหน่ง จากนิ้วกลางซ้ายเป็นข้อมือซ้าย แถมประวิงเวลารับผิด รับเป็นทนายอาสา เดินหน้าฟ้องแพทย์–โรงพยาบาล ป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยอีก
วันนี้(13 ธ.ค. 68) นายเชาว์ มีขวด ทนายความ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chao Meekhuad เปิดเผยกรณีผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนย่านคลองตัน แต่กลับถูกผ่าตัดผิดตำแหน่งจากที่แพทย์นัดหมายไว้ ส่งผลให้ได้รับความเสียหายทางร่างกาย และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับความรับผิดชอบหรือแนวทางเยียวยาที่ชัดเจนจากโรงพยาบาลและแพทย์ผู้รักษา แม้เวลาจะผ่านมากว่า 10 วันแล้ว
นายเชาว์ระบุว่า ผู้เสียหายคือ คุณนุช (นางสาวแสนสุข ทรงเที่ยง) ชาวเขตห้วยขวาง ซึ่งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ได้เดินทางไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งตามสิทธิประกันสังคม เพื่อเข้ารับการผ่าตัดก้อนซีสบริเวณข้อนิ้วกลางข้างซ้าย ตามที่แพทย์นัดหมายไว้ล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นการผ่าตัดที่ข้อมือซ้าย ซึ่งเป็นคนละตำแหน่ง คนละโรค และไม่ใช่การรักษาที่ผู้ป่วยยินยอมให้ทำ โดยในวันเกิดเหตุ พยาบาลได้ทำความสะอาดแขนตั้งแต่ข้อศอกถึงปลายนิ้ว ก่อนใช้ผ้าสีเขียวคลุมใบหน้าผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถมองเห็นขั้นตอนการรักษาได้ จากนั้น นายแพทย์ ก. (นามสมมติ) ได้ฉีดยาชาที่ข้อมือซ้ายและทำการผ่าตัดบริเวณดังกล่าวจนแล้วเสร็จ
ภายหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจึงทราบจากพยาบาลว่า เป็นการผ่าตัดผังผืดบริเวณเส้นเอ็นข้อมือซ้าย ไม่ใช่การผ่าตัดก้อนซีสที่ข้อนิ้วกลางตามที่ตกลงและนัดหมายไว้ตั้งแต่ต้น
นายเชาว์ระบุว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่ความเข้าใจผิดเล็กน้อย แต่เป็นการรักษาที่ผิดจุดผิดวัตถุประสงค์ และกระทบต่อสิทธิของคนไข้อย่างร้ายแรง โดยหลังเกิดเหตุแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดได้เสนอจะผ่าตัดแก้ไขให้ใหม่ แต่ผู้ป่วยไม่สามารถเชื่อมั่นในกระบวนการรักษาได้อีก จึงตัดสินใจร้องเรียนต่อผู้บริหารโรงพยาบาล เพื่อให้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้โรงพยาบาลและแพทย์ผู้เกี่ยวข้องยังไม่มีคำชี้แจงหรือแนวทางเยียวยาที่ชัดเจน ขณะที่ผู้เสียหายยังคงมีอาการเจ็บปวด มือซ้ายไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และไม่สามารถทำงานได้
นายเชาว์กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทางการแพทย์ และเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวกับที่ตนเคยดำเนินคดีมาก่อนในกรณีทิ้งผู้ป่วยโควิด-19 จนเสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้ชนะคดีแล้ว
ทั้งนี้ นายเชาว์ยืนยันว่าจะรับคดีดังกล่าวในฐานะทนายอาสา เพื่อดำเนินการฟ้องร้องโรงพยาบาลและแพทย์ผู้เกี่ยวข้องให้เป็นคดีตัวอย่าง ไม่เพียงเพื่อผู้เสียหายรายนี้เท่านั้น แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายอื่นในอนาคต


