เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. นางกุลกัญญา ทุมเสน รองผู้ว่าการ (กฎหมาย) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม โครงการ Youth Empowerment by EXAT ณ หอประชุม 0101ชั้น 1 อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ กทพ. โดยการฝึกอบรมฯ ดังกล่าวมีกำหนด 2 วัน คือ วันที่ 11 - 12 ธันวาคม 2568 ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าวเป็นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้กับเยาวชนในโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษ โดยดำเนินโครงการระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2568 – กุมภาพันธ์ 2569 จากการคัดเลือกนักเรียนและครูจากโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษที่ส่งโครงงานในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม จำนวน 10 โรงเรียน เพื่อรับการฝึกอบรมเสริมศักยภาพคุณครูและนักเรียนในโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษให้ตระหนักถึงบทบาทของตนในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการลงมือปฏิบัติจนเกิดผลเชิงประจักษ์ผ่านโครงงานที่ส่งเข้าประกวด เพื่อชิงทุนการศึกษารวมกว่า 145,000 บาท
ประธานเปิดการฝึกอบรมฯ ได้กล่าวว่า การฝึกอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานพัฒนาและบริหารจัดการทางพิเศษสายต่าง ๆ ของ กทพ. พร้อมทั้งส่งเสริมการทำงานอย่างมีส่วนร่วมระหว่างเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมและขยายเครือข่ายความร่วมมือในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม “โครงการนี้จะกระตุ้นให้เกิดความตระหนักถึงการดูแลรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างจริงจัง ลงมือปฏิบัติจนเกิดผลเชิงประจักษ์ และยังเป็นการส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างนักเรียน ครู และชุมชนในพื้นที่อีกด้วย” พร้อมขอบคุณวิทยากรที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้ และเชิญชวนเยาวชนให้ใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาโครงงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นเมล็ดพันธุ์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในสังคมเมืองต่อไป “กทพ. เชื่อว่าคนรุ่นใหม่คือเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตที่สำคัญและยั่งยืน เพราะทุกโครงงานของเยาวชนคือจุดเริ่มต้นของการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ โครงการ Youth Empowerment by EXAT คือพื้นที่เปิดโอกาส ที่ให้น้อง ๆ เยาวชน ได้ร่วมลองคิด ลองทำ และค้นพบศักยภาพในแบบของตัวเอง ที่จะก้าวไปเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของสังคม”
นอกจากนี้ โครงการ Youth Empowerment by EXAT ยังเป็นมากกว่าการอบรม แต่คือการ “ปลูกเมล็ดพันธุ์ แห่งความรับผิดชอบ” ในใจเยาวชน เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่พร้อมเผชิญความท้าทายของเมืองในปัจจุบัน ทั้งปัญหาน้ำเสีย มลพิษทางอากาศ ขยะมูลฝอย และภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เยาวชนจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการเมืองจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัย มาร่วมถ่ายทอดความรู้ พร้อมกิจกรรมฐานการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้คิด วิเคราะห์ และลงมือทำจริง ภายหลังจากการอบรม เยาวชนแต่ละทีมจะได้รับงบสนับสนุนในการดำเนินโครงงาน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และขยายเครือข่ายความร่วมมือในชุมชน โดยมีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องจากคณะกรรมการโครงการ เพื่อให้คะแนนในลำดับต่อไป โดยในส่วนของรางวัลนั้น ครูและนักเรียนจะได้รับโล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล รวม 145,000 บาท เพื่อเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้เยาวชนเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางแห่งการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน
สำหรับการคัดเลือกโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนั้น การทางพิเศษฯ ได้เปิดรับสมัครและคัดเลือกนักเรียนระดับมัธยมปลายหรือเทียบเท่าจากโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษ จากการส่งใบสมัครและนำเสนอโครงงานแก้ไขปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีโรงเรียนรอบเขตทางพิเศษที่ตอบรับและส่งโครงงานเข้ามาจำนวนมากกว่า 30 โรงเรียน ทั้งเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งคณะกรรมการได้คัดเลือกเพียง 10 โรงเรียน 10 โครงงาน เพื่อเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ และโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 10 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุทรปราการ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย โรงเรียนราชประชาสมาสัย ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษก ในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงเรียนมักกะสันพิทยา โรงเรียนมหรรณพาราม โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดน้อยใน) ในพระราชูปถัมภ์ฯ โรงเรียนโยธินบูรณะ โรงเรียนเซนต์ดอมินิก และวิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก โดยรูปแบบการฝึกอบรมมุ่งเน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและการปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน เราคาดหวังว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ จะช่วยให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งได้เรียนรู้วิธีการจัดการอย่างเป็นรูปธรรม และมุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นเวทีให้เยาวชนได้พัฒนาศักยภาพด้านการคิดวิเคราะห์และการลงมือทำ สร้างโครงการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมในเมืองอย่างยั่งยืน พร้อมต่อยอดเป็นเครือข่ายเยาวชนเพื่ออนาคตของเมืองที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป


