xs
xsm
sm
md
lg

รบเขมรเที่ยวนี้ไม่จบ “อนุทิน” จบแน่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล
เมืองไทย 360 องศา


นาทีนี้ ไม่ต้องพูดกันแล้วว่า คนไทยจะพร้อมใจกันหนุนกองทัพหรือทหารสำหรับการตอบโต้กัมพูชา ตรงกันข้ามมีแต่บอกให้ “ลุยเต็มที่” แบบ “ม้วนเดียวจบ” อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีพวกมหาอำนาจมาบีบเราให้หยุดรบ เหมือนครั้งก่อน แต่คราวนี้ถือว่าคนละอารมณ์แล้ว เพราะมันไปไกลแล้ว แบบ “หยุดไม่ได้” อะไรทำนองนั้น

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทีของกองทัพ ที่ชัดเจนแบบเป็นเอกภาพ พร้อมประกาศมาตรการตอบโต้แบบถึงน้ำถึงเนื้อ ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พล.อ.ท. จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวการดำเนินการของเหล่าทัพต่อสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

โดยโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์การปะทะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากการเปิดฉากยิงโจมตีทหารไทย ในพื้นที่ภูผาเหล็ก - พลาญหินแปดก้อน จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งการปะทะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.68)

นำไปสู่ประเด็นหลัก 5 ประการ ที่ไทยไม่สามารถอดทนอดกลั้น กับการกระทำของกัมพูชาได้อีกต่อไป ได้แก่ การกระทำแบบเดิมๆ ของฝ่ายกัมพูชา โดยเป็นการรุกรานไทยและปฏิเสธการกระทำดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการยั่วยุในรูปแบบต่างๆ เช่น การรอบวางทุ่นระเบิดของกัมพูชา ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะพยายามสร้างภาพในการเรียกร้องสันติภาพ และการใช้การยับยั้งชั่งใจ แต่ก็เป็นฝ่ายยุยงยั่วยุ และรุกรานก่อนเสมอ

ประเด็นที่ 2 ไทยเองมุ่งมั่นปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเราจำเป็นที่จะต้องดำเนินการทางทหารอย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องบูรณภาพและดินแดนของไทย

ประเด็นที่ 3 คือ ประชาชนคนไทยหมดความอดทนอดกลั้นต่อการดำเนินการของกัมพูชาที่ไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของประเทศไทย รวมถึงการที่คนไทยต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อความปลอดภัยครั้งแล้วครั้งเล่า รัฐบาลไทยจึงต้องให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตย และประชาชนของเราทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จนกว่าอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของไทยจะไม่ถูกคุกคาม

ประเด็นที่ 4 ท่าทีของไทย และการปฏิบัติการทหารของไทยจะดำเนินไปจนกว่ากัมพูชาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืน เช่น การกลับมาเลือกเดินบนทางเดินสู่สันติภาพที่แท้จริง

และประเด็นสุดท้าย กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงต่างๆ รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงและถ้อยแถลงร่วม หรือ joint declaration ที่ได้มีการลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียที่ผ่านมา

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ย้ำว่า ขณะนี้ประเทศไทยดำเนินการในสิ่งที่ควรทำ ตอนนี้เราดำเนินการในสิ่งที่เราต้องดำเนินการ ประเทศไทยเราได้แสดงความเป็นประเทศไทยให้กับผู้ที่คิดไม่ดีกับประเทศเราให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ฉะนั้นตอนนี้ให้กำลังใจผู้ที่กำลังปกป้องอธิปไตยของเราดีกว่า

ถามอีกว่า จะไม่มีเหตุการณ์เหมือนในอดีตรัฐบาล ที่ทหารกำลังปกป้องอธิปไตยแล้วมีการสั่งให้ทหารหยุด ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีครับๆ ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้วครับ ให้คำมั่นสัญญากับกองทัพแล้วว่า ให้กองทัพดำเนินการตามแผนการที่ได้คิดกันไว้อย่างเต็มที่ รัฐบาลให้การสนับสนุนทุกรูปแบบ

จากท่าทีดังกล่าว ถือว่า “เหลืออด” และแข็งกร้าวอย่างเต็มกำลังกับฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะกับรัฐบาลกัมพูชา ที่มี นายฮุน เซน อยู่เบื้องหลัง

ดังนั้น มั่นใจได้เลยว่า ทางกองทัพต้องได้ไฟเขียวอย่างเต็มที่ในการจัดการให้ “จบโดยเร็ว” นั่นคือ ในความหมายที่ว่าต้องยึดคืนดินแดนที่ปล่อยให้ฝ่ายกัมพูชาเข้ามายึดครองนานหลายสิบปี กลับคืนมาให้หมดตลอดแนวชายแดน รวมไปถึงการทำลายให้กองทัพกัมพูชา “ต้องสิ้นสภาพ” ตามที่ฝ่ายผู้นำระดับสูงของกองทัพไทย ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่ง ปัญหาด้านชายแดนไทย-กัมพูชา คราวนี้ ถือว่ามีผล “ทางการเมือง” อีกด้วย นั่นคือยังเป็นการเดิมพันอนาคตทางการเมืองของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล อีกด้วย เพราะหากคราวนี้มาแบบ “รบๆ หยุดๆ” ทำแบบไม่สุดรับรองว่า “คนที่จบก็คือ นายอนุทิน นั่นแหละ” เพราะเวลานี้อารมณ์ของคนไทยทั้งประเทศ มาเต็มแบบเดียวกันคือ “เหลืออด เหลือทน” กับเขมร แล้ว

ขณะเดียวกัน ยังเชื่อว่าฝ่ายกองทัพจะต้อง “รบเร็ว” แบบเด็ดขาด แต่ก็ต้องรอบคอบ อิงหลักกฎหมายสากล ตามที่มีการแถลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปร้องเรียน โวยวายกับนานาชาติ ซึ่งพวกเขาดำเนินการแบบนี้มาตลอด อีกทั้งในตอนนี้เป็นการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จากเดิมที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยในเรื่องผลประโยชน์ ไม่อาจทำได้ “ไม่สุด” และต้องนำไปสู่การ “หยุดยิง” ที่เราเสียประโยชน์ และสร้างปัญหาคาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้

การเปิดรุกรบเร็ว ตลอดแนวคราวนี้ ถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน และต้องจบโดยเร็ว อย่างน้อย ก็ต้องยึดคืนพื้นที่กลับมาให้ได้ทั้งหมด ก่อนที่ประเทศมหาอำนาจจะเข้ามาแทรกแซงกดดันเราอีกครั้ง เพียงแต่ว่าหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าคราวนี้ประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นยังเงียบอยู่ ยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

อย่างไรก็ดี สำหรับในมุมการเมืองแล้ว นาทีนี้สำหรับ นายอนุทิน แล้วเหมือนกับว่า “เข้าทาง” เขาพอดี เพราะเพิ่งพลาดท่ามาจากน้ำท่วมภาคใต้มาหมาดๆ คราวนี้มาเจอกับ “ฮุน เซน” ที่กำลังใช้มุกเดิมเพื่อแก้ปัญหาภายในของตัวเอง ด้วยการปลุกกระแสชาตินิยมตามแนวชายแดนกับฝ่ายไทยอีกรอบ แต่คราวนี้ต้องเจอกับของหนัก ของจริงที่จะว่าไปแล้วฝ่ายไทย ก็ตั้งตารอจังหวะแบบนี้อยู่แล้ว กลัวแต่ว่า “เขมรไม่กล้าเปิด” เท่านั้น เมื่อเปิดมา ก็ต้องมีสภาพอย่างที่เห็น ขณะเดียวกัน เมื่อรบแล้วต้องให้จบ ถ้าไม่จบ งานนี้ “อนุทิน จบแน่”

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะยุบสภา ก่อนกำหนด คือก่อนวันที่ 31 มกราคม ปีหน้า !!



กำลังโหลดความคิดเห็น