xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยหนู”เพิ่มพลังดูด !? ชิงเปิด แคนดิเดตนายก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ - ศุภจี สุธรรมพันธุ์
เมืองไทย 360 องศา

เรียกความน่าสนใจได้ไม่น้อยทีเดียวสำหรับการ “ชิง” เปิดตัวว่าที่ “แคนดิเดตนายก” ของพรรคภูมิใจไทย จากปากของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรค ไปเมื่อวันก่อน แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้ย่อมมีเจตนาหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน ทั้งในเรื่องการ “เพิ่มเรตติ้ง” และการสร้างความมั่นใจ ให้กับบรรดา “บ้านใหญ่” กลุ่มก๊วน ต่างๆ ที่ยังลังเล ให้รีบตัดสินใจก่อนที่จะสายเกินไป ถูกคนอื่นเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งเกรดเอ ก็ได้

แม้ว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีคำยืนยันจากปากเจ้าตัวคือ ทั้งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ถูกประกาศว่าเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ อันดับสอง รวมถึง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าที่แคนดิเดต อันดับสาม ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธสวนออกมา ก็ต้องถือว่ายังเป็นไปตามนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึงการเปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย ที่มีชื่อ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีนักวิชาการออกมาให้ความเห็นว่า จะสามารถช่วยดึงคะแนนของกลุ่มคนวัยทำงานได้เพิ่มมากขึ้น ถือว่าจะเป็นสัญญาที่ดี หรือไม่ ว่า ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ดีหมด แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เปิดตัวอะไรทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวถามมา ก็เพียงตอบความคิดตัวเองไป ใครก็ตามที่มีความสามารถ ผลงาน และมีความตั้งใจในการทำงาน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย ต้องเร่งหาคนที่มีฝีมือ หากเขามีความยินดีที่จะมาช่วยเหลือบ้านเมือง ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย และขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับนางศุภจี แต่อย่างใด

เมื่อถามว่า มีการส่งสัญญาณยุบสภา ไปยังพรรคร่วมรัฐบาล แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องส่งสัญญาณ ตนเคยพูดมาตั้งแต่สมัยยังไม่เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องยุบสภาเป็นอำนาจที่จะเสนอ แต่สุดท้ายก็เป็นพระราชอำนาจ คนที่ทูลเกล้าฯ ให้ทรงวินิจฉัยคือนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นนี่เป็นอำนาจในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ อยู่ที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่ต้องไปหารืออะไรกับใคร

เมื่อถามย้ำว่าการเปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทยครบทั้งสามคน อาจเป็นการส่งสัญญาณชิงจังหวะยุบสภาก่อนกำหนดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเป็นการเมือง เราเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต้องมีความพร้อมในการดำเนินการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด และต้องบริหารจัดการบ้านเมือง โดยรู้ว่ามีระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งก็ต้องทำให้ดีที่สุด

แน่นอนว่า ทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็น นายเอกนิติ ซึ่งระหว่างที่ นายอนุทิน กล่าวเปิดตัวเป็นคนแรกที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เขาก็ไม่กล่าวอะไรเพียงแต่แสดงอาการยิ้มเขินๆ ออกมาเท่านั้น ขณะที่นางศุภจี ก็ยังไม่ได้ตอบรับอะไรเช่นเดียวกัน โดยนายอนุทิน กล่าวแบบทีเล่นทีจริงว่า จะต้องบังคับให้มา

คำพูดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ดังกล่าวข้างต้น ย่อมมีความหมายทั้งสองเรื่อง นั่นคือการ “ชิงเปิดตัว” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สองคนดังกล่าว และย้ำเรื่องโอกาสการยุบสภาก่อนกำหนด นั่นคือ ก่อนวันที่ 31 มกราคม ปีหน้า ตามไทม์ไลน์ที่ระบุเอาไว้ชัดเจน ในช่วงที่ทำข้อตกลงกับพรรคประชาชน เพื่อแลกกับการได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยย้ำถึงการเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ไปจนจบรายการเฉพาะกิจในครั้งนี้

หากโฟกัสไปถึงเรื่องแรกก่อน การ “ชิงเปิดตัว” ก่อนแบบนี้ถือว่า พรรคภูมิใจไทย “ได้” ทางการเมืองหลายทาง อย่างน้อย การที่ทั้งสองคนคือ ทั้ง นายเอกนิติ และ นางศุภจี ถือว่ามีภาพลักษณ์ทางบวก และถูกมองว่าเป็น “มือเศรษฐกิจ” ที่หากพิจารณาตามความเป็นจริงตั้งแต่ก่อตั้งพรรคเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พรรคนี้ “ไม่เคยมีทีมเศรษฐกิจ” หรือคนที่มีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือทางด้านเศรษฐกิจเลย แม้แต่คนเดียว ดังนั้น นี่คือ จุดเริ่มต้นกับการทาบทาม “คนนอก” พวกนี้เข้ามาร่วมรัฐบาล และให้ดูแลทางด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก

ต่อเนื่องกันสำหรับพรรคภูมิใจไทย ย่อมมีภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้เป็น “พรรคภูธร” ลักษณะเป็นกลุ่มก๊วนการเมือง ทั้ง “กลุ่มบุรีรัมย์” กลุ่ม “อุทัยธานี” ของ นายชาดา ไชยเศรษฐ์ และกลุ่มทุนต่างจังหวัด ของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ในภาคใต้ หรือแม้แต่กลุ่ม “อ่างทอง” ของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่รวมกันแบบหลวมๆ และกำลังพัฒนากลายเป็น “กลุ่มพลัส” ในเวลานี้เป็นการดึงดูดกลุ่มบ้านใหญ่ กลุ่มการเมืองอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าเวลานี้ทั่วประเทศกำลังไหลเข้ามาแบบไม่ขาดสาย

และตามรายงานข่าว ยังมีการให้จับตาในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน นี้ ที่จะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ นั่นคือ การขยับของกลุ่ม “สุพรรณบุรี” ที่นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และ กลุ่มชลบุรี ที่นำโดย นายสนธยา คุณปลื้ม จะย้ายเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยด้วย

เมื่อวกกลับมาที่สองคนข้างต้น คือ นายเอกนิติ และ นางศุภจี ที่เวลานี้ ไม่ปฏิเสธเป็นแคดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย ถือว่าทางการเมืองเป็นแต้มบวกกับทั้งพรรคและ นายอนุทิน ที่ด้วยภาพลักษณ์ที่ยังเป็นบวกในเวลานี้ ถือว่า “เหนือ” กว่าอีกหลายพรรค หรือทุกพรรค ก็ว่าได้

เพราะยังไม่มีใครเปิดตัวแคนดิเดตเพิ่มเติม นอกจากคาดหมายกันว่า ตัวหัวหน้าพรรคของแต่ละพรรคที่จะต้องเป็นแคนดิเดต แต่อาจยกเว้นสำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ระดับหัวหน้าพรรคอาจไม่มีชื่อ เพราะนี่คือพรรคที่เขาเรียกว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย”

ส่วนอีกเรื่องคือ“ยุบสภา”ที่เวลานี้มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะมีการยุบก่อนกำหนด เพราะหากพิจารณาจากท่าทีของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีแล้ว โอกาสที่จะ“ยุบก่อน” นั้นสูงมากทีเดียว สาเหตุอาจไม่จำเป็นที่ต้องมาจากการที่พรรคเพื่อไทย จะยื่นญัตติซักฟอกตาม มาตรา 151 หรือไม่ก็ตาม รวมไปถึงการตีความว่าจะยุบได้ช่วงไหน ช่วงที่ยื่นญัตติแล้ว หรือว่าก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุญัตติเข้าวาระหรือเปล่า เนื่องจากสาเหตุยุบเพราะว่า “ได้เปรียบ” ทุกทาง และกลายเป็นว่า ยิ่งยุบเร็ว ยิ่งได้เปรียบ นั่นแหละ ตรงกันข้ามยิ่งปล่อยไว้นาน “ยิ่งพลาด” ติดลบ ไม่อยากเสี่ยงอะไรประมาณนั้นแหละ

ดังนั้น การชิงเปิดตัวก่อน แม้จะไม่เป็นทางการ แต่ก็เหมือนชิงความได้เปรียบ ประกาศความพร้อมก่อนใคร ประกอบกับเชื่อว่า การประกาศชื่อแบบนี้เป็น “แต้มบวก” และยังเป็นการดึงบรรดา “มุ้ง” และ “บ้านใหญ่” ที่ยังลังเล ให้รีบตัดสินใจเข้ามาจับจองพื้นทีเกรดเอเอาไว้ก่อน อีกทั้งยังเป็นการเติมเต็มในเรื่อง “ทีมเศรษฐกิจ” และภาพลักษณ์พรรคต่างจังหวัดเอาไว้ได้ดี เพียงแต่ว่า การเมืองอีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมมีความเสี่ยงทุกนาที เพราะนับจากนี้จุดโฟกัสจะพุ่งเป้าไปที่ว่าที่ “สองแคนดิเดต” เช่นเดียวกัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น