xs
xsm
sm
md
lg

“โรม” ช่วย “โจ๊ก” สางแค้นส่วนตัว จากกรรมาธิการความมั่นคงรัฐฯ สู่ “กรรมาธิการทำชาติเรือหาย”! ** เปิดลับ“แก๊งพิมพ์วิไล” โผล่มาตีเนียน ช่วย “โจ๊ก” ดิ้นหนีเอี่ยวเว็บพนัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รังสิมันต์ โรม - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล -พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน
ข่าวปนคน คนปนข่าว




++ “โรม” ช่วย “โจ๊ก” สางแค้นส่วนตัว จากกรรมาธิการความมั่นคงรัฐฯ สู่ “กรรมาธิการทำชาติเรือหาย”!

ดูท่าว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ “รังสิมันต์ โรม” นั่งเป็นประธานคราวนี้ คงต้องตั้งชื่อใหม่เสียที

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ชัดเจนเกินกว่าจะตีความไปทางอื่นได้

คือ “เพื่อนโรม” ใช้ที่ประชุมกรรมาธิการฯ สภาผู้แทน เป็นเวทีไล่บี้ศัตรูส่วนตัวให้ "โจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ที่กำลังถูกคดีความรุมเร้าใกล้จะถึงกาลอวสานเต็มแก่ แบบเปิดไฟเปิดไมค์ให้เต็มสูบ พร้อมบท “สางแค้น-โยนชั่ว” ชนิดไม่เกรงใจข้อบังคับสภาฯ

รังสิมันต์ โรม
พูดง่ายๆ คือ สองแรงแข็งขัน “โจ๊ก–โรม” จับมือใช้กลไกสภาฯ มาเคลียร์เรื่องส่วนตัว

“โจ๊ก” ส่งเรื่องร้องเรียนให้ “โรม” ก็รับเข้าวาระทันที ทำเหมือนเป็น "วาระแห่งชาติ"

ใครไม่มาให้ข้อมูล “โรม” ก็ออกข่าวให้สังคมเข้าใจว่า หนี

ไม่มาก็ผิดตั้งแต่ยังไม่ทันชี้แจง

สังคมสงสัย ตกลงว่า กรรมาธิการชุดนี้ ที่ตั้งขึ้นตามมติสภาฯ เมื่อ 4 ต.ค.66 ตามข้อบังคับฯ ข้อ 90(9) มีหน้าที่อะไร?

ตอบว่า มีหน้าที่เกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ การค้าชายแดน การข้ามแดน จุดผ่อนปรน ช่องทางธรรมชาติ ปัญหาชายแดน การจัดการแรงงานข้ามชาติ ความมั่นคงของประชาชน ไปจนถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงโดยรวมของประเทศ

หน้าที่ใหญ่โต หนักแน่น เป็น“งานเพื่อประเทศ”ทั้งนั้น !

แต่เมื่อถึงมือ “โรม” …กลับถูกแปลงเป็น “งานเพื่อโจ๊ก” เท่านั้น

ต้องถามกันตรงๆ นี่มัน “กรรมาธิการความมั่นคงของรัฐฯ” หรือ “กรรมาธิการช่วยโจ๊กล้างแค้น” กันแน่!?

เพราะ “โรม” ในฐานะประธาน ทำงานแบบเปิดที่ประชุมให้เพื่อนโจ๊ก ทุกขั้นตอน

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
หลายคนรู้ว่า “โจ๊กกับโรม” นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยความเป็นคนใต้ด้วยกัน ที่ผ่านมา "โจ๊ก" ก็ชงข้อมูลให้ "โรม" ถล่มฝ่ายตรงข้าม ในการอภิปรายฯในสภา มาแล้วหลายครั้ง

ดังกรณี "ตั๋วช้าง" ที่ไล่ถล่ม “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. ตอนที่ทั้งคู่กำลังขับเคี่ยว ตำแหน่ง ผบ.ตร.
“โจ๊กกับโรม” จับมือกันเล่นงานฝ่ายตรงข้ามมาต่อเนื่อง สอดประสานกันอย่างเข้าขา

ความจริงแล้ว พรรคประชาชน ของ "โรม" น่าจะพิจารณาหาตำแหน่งรับ “โจ๊ก” เข้าพรรคให้รู้แล้วรู้รอด ดีกว่าเล่นกันเป็น "อีแอบ"
ไหนๆ ก็เคมีเข้ากัน เป็นคนที่คุ้นเคย แถมทั้งคู่คุยโวเรื่องปราบสแกมเมอร์ ขจัดเทาๆ อะไรทั้งหลายได้ ตามสโลแกน "มีเรา ไม่มีโทษ" อะไรนั่น ก็ดัน "โจ๊ก" เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคส้มไปเร้ย...!

เมื่อแค้นส่วนตัวของ โจ๊ก ถูก "ปั่น"ให้กลายเป็นวาระระดับชาติ ของกรรมาธิการฯ

ถามไปยัง "โรม" ว่า นี่มันใช่หรือไม่ กับสิ่งที่สภาฯมอบหมายไว้ ?

ทั้งที่ประเทศกำลังมีปัญหาชายแดนเดือดๆ ถูกกัมพูชารุกอธิปไตย แถมโดน "โดนัลด์ ทรัมป์" ใช้มาตรการภาษี มาบีบคอประเทศไทยให้ยอมเขมร

ถามว่า กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ของ “โรม” ทำไมไม่มีเสียง ไม่มีแอกชันใดๆ ในเรื่องใหญ่ระดับชาติเลย

แต่พอเป็น “งานส่วนตัวของโจ๊ก” เท่านั้นแหละ…กุลีกุจอ แปลงร่างกรรมาธิการฯ เป็น "โรงซัก-ฟอกขาว" ในทันที

ประชาชนเขาเริ่มตั้งคำถาม ถ้าคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ถูกใช้เพื่อปกป้องคนหนึ่งคนเดียว อย่าง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วแบบนี้…ยังสมควรใช้ชื่อ "คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร" นี้อยู่หรือไม่ ?

สภาฯ ตั้งมาเพื่อทำงานให้ประเทศ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า กรรมาธิการของ "โรม" กำลังทำให้ “ชาติ…เรือหาย” ไปทั้งลำ !
เปลี่ยนชื่อเป็น "คณะกรรมาธิการทำชาติเรือหาย" เถอะโรม!

พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน
++ เปิดลับ “แก๊งพิมพ์วิไล” โผล่มาตีเนียน ช่วย “โจ๊ก” ดิ้นหนีเอี่ยวเว็บพนัน

เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ไม่น้อย ที่จู่ๆ “แหม่ม” พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน อีสาวบัญชีม้า ผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ก็โผล่มาให้ถ้อยคำ ให้ซักถามในที่ประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “รังสิมันต์ โรม” เป็นประธาน

“พิมพ์วิไล” อ้าง หนูเป็นแค่ลูกจ้าง แค่ทำตามคำสั่งของคนที่รู้จักแค่ชื่อเล่น

แต่ตำรวจรู้ดีว่า “แหม่ม-พิมพ์วิไล” คนนี้ สถานะจริงของเธออยู่ในระดับบอส ระดับเจ้าแม่ วงการสีเทา ในพื้นที่ภาคใต้ แต่ที่มาทำแอ๊บแบ๊ว ในที่ประชุม กมธ.ฯ นั่นเป็น "พิมพ์วิไล การละคร" เท่านั้น

ซึ่งคนที่คอยกำกับบทพูดของ “พิมพ์วิไล” จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนที่พาเธอมา นั่นคือ “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เพื่อมาร่วมด้วยช่วยกันดิ้น พูดจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ เดี๋ยวสื่อก็รับลูกไปขยาย

พยายามใส่ร้ายเนียนๆ ไปที่ตำรวจฝ่ายตรงข้าม ที่“โจ๊ก” แค้นนัก แค้นหนา อย่าง “พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ” ซึ่งเป็นหัวหน้าชุด นำหมายศาลบุกค้นบ้าน“โจ๊ก” หลังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี แบบไม่เกรงศักดิ์ศรี หรือทั้งที่ยศห่างไกลกัน

ฐานะสีเทาของ “พิมพ์วิไล” ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันกับ “เจ้าแม่มินนี่” คนดัง สองสาวต่างเป็นเจ้าของเว็บพนันเหมือนๆกัน
“มินนี่” ถูกจับให้เป็นหุ่นเชิดในเว็บพนันพื้นที่ภาคอีสาน และกทม. ส่วน “พิมพ์วิไล” คุมเขตภาคใต้ ทั้งสองสาวส่งส่วย และ ส่วนแบ่งผลประกอบการ ผ่านบัญชีม้า ไปหล่อเลี้ยง ปลายทางเดียวกัน คือ “แก๊งตำรวจชั่ว!”

พอปรากฏตัวต่อหน้ากล้องให้คนเห็นหน้า จะจะ เห็นเลยว่า“พิมพ์วิไล” มีอีกสิ่งที่คล้ายกับ “มินนี่” คือ ต่างเป็นสาวหน้าตาดี โมดิฟายมาเหมือนกัน

ความสวยของ “พิมพ์วิไล” เป็นใบเบิกทางให้เธอมาถึงจุดนี้ เพราะเธอได้รับการเลี้ยงดูจากขาใหญ่ “อู๊ด หาดใหญ่” ที่เดิมมีหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ คอยเก็บส่วยส่งตำรวจท้องที่ มีผลงานโบแดง คือ ระดมเงินสีเทาเอามาให้ตำรวจบางคนมากถึง 10 ล้านบาท เพื่อไปบริจาคเป็นเงินปรับปรุงโรงพัก เอาความดีความชอบ

เมื่อมาถึงยุคเว็บพนันเฟื่องฟู "อู๊ด หาดใหญ่" ก็อัปเกรด จากหน้าเสื่อ มาเปิดเว็บพนันของตัวเอง ในชื่อ BNK Master , Venus Master , Richerking มีฐานที่มั่นอยู่ที่หาดใหญ่ ได้รับการคุ้มครองจากบิ๊กตำรวจ ผู้มีทั้ง “สำนึกรักบ้านเกิด” ทั้ง “โกยเงินจากบ้านเกิด”

แต่ปฏิบัติการของตำรวจ PCT-4 นำมาสู่การทลายเครือข่ายเว็บพนัน BNK Master โดยมีหลักฐานเด็ด การสอบปากคำพนักงานการตลาดของเว็บ ต่างชี้ภาพของ “พิมพ์วิไล” ว่า เธอคนนี้แหละ เป็นระดับเจ้าแม่ เจ้าของเว็บ

“พิมพ์วิไล” ไม่ใช่คนรับจ้างโอนเงินธรรมดา เงินเดือนสองหมื่น แต่ชุดสอบสวนระบุว่า เธออยู่ในตำแหน่งที่สามาารถ “แตะเงิน–แตะบัญชีม้า–แตะระบบหมุนเวียนทุน” ที่ใช้หลบการตรวจสอบของรัฐ มาเป็นปีๆ มีการทำงานในรูปแบบเครือข่าย “องค์กรอาชญากรรม”

ทั้งการถือบัญชีม้า เป็นชุดๆ การหมุนเวียนบัญชีตามรอบ การจัดสรรทีมงานเป็นสายงานชัดเจน ภายใต้ผู้มีบารมีสาย “หวานเจี๊ยบ” ที่กำกับอยู่เบื้องหลัง

การเข้ามานั่งเป็นพยาน ในคณะกมธ. ที่ “โรม” จัดให้ “โจ๊ก” ตามคำขอ บทพูดของเธอ จึงถูกกำหนดให้พูดใส่ร้าย “ตำรวจ PCT-4” แบบบิดเบือนความจริง ให้สังคมเข้าใจผิดคู่กรณีของ “โจ๊ก” ... ทั้งที่ PCT-4 ไม่เคยรับส่วยจากเธอ

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีประเด็นที่ถูกวิจารณ์ตามมา คือ คณะกมธ.ฯ ชุดนี้ ทำเกินหน้าที่ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เพราะเป็นการนำผู้ต้องหาที่อยู่ในกระบวนการสอบสวน มาซักถาม ให้ร้ายคนจับ เพื่อฟอกขาวให้กับตัวเอง และผู้ต้องหาร่วมขบวนการ โดยอ้างว่าเพื่อให้สังคมได้เห็นความจริงอีกด้านหนึ่ง

ในขณะที่ฝ่ายตำรวจชุดจับกุม ไม่สามารถนำพยานหลักฐาน ในสำนวนการสอบสวนมาพูดให้คนนอกฟังได้ ได้แต่ทนดูฝ่ายผู้ต้องหานำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ มากล่าวหา ปรักปรำ อยู่ฝ่ายเดียว

ความเคลื่อนไหวแรงๆ ของ “โจ๊ก” ในช่วงนี้ เพราะกำลังจนตรอก เมื่อคดีความงวดเข้ามา แต่การที่ประกาศให้โลกรู้ว่า “กูสู้ตาย” ก็ย่อมส่งผลให้การสั่งคดี ล่าช้าออกไป

เพราะคนกุมเรื่องที่ชื่อ “นาย อ.” ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญ เคยรับส่วยมาฉ่ำๆ จะยิ่งประวิงเวลา ช่วยเหลือกันต่อไป ว่ากันว่า ความล่าช้าของคดี “โจ๊ก ฟอกเงิน” ที่เกิดคอขวดในกระบวนการยุติธรรม ก็เพราะ “นาย อ.”คนนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น