xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค”คัมแบ็กปชป. แค่พยุงไม่ล้มครืน-ต่ำสิบ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

เป็นไปตามคาดเมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 7 ได้รับเลือกจากสมาชิกพรรคให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคคนล่าสุดอีกรอบ แบบไม่มีคู่แข่งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นกว่าร้อยละ 96 ซึ่งหลายคนบอกว่า การกลับมาเที่ยวนี้ของเขาจะเป็นการฟื้นฟูพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคนี้ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และว่าการมาของ นายอภิสิทธิ์ ย่อมสร้างความยินดีให้กับบรรดา “แม่ยก” หรือ “แฟนพันธุ์แท้” อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี การกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รอบนี้ของ นายอภิสิทธิ์ คงไม่อาจกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับพรรคเก่าแก่พรรคนี้แน่นอน อย่างมากก็เป็นเพียงแค่ “พยุง” หรือแค่ประคับประคองไม่ให้ล้มครืนลงอย่างน่าเสียดายมากกว่า

พิจารณาจากบรรยากาศการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พรรคประชาธิปัตย์ จัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ โดยมี สส. อดีต สส. อดีตรัฐมนตรี และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งที่เมื่อเข้าสู่วาระการเลือกหัวหน้าพรรค นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้แสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 7 ขึ้นไปเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แบบไร้คู่แข่ง

จากนั้นให้สมาชิกได้หย่อนบัตรลงคะแนนเสียงตามขั้นตอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง แบ่งเป็น สส.40 เปอร์เซนต์ และอดีตสส. 40 เปอร์เซนต์ และสาขา สมาชิกพรรค 20 เปอร์เซ็นต์ ผลปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้รับเลือก 96.1810 เปอร์เซนต์ ท่ามกลางเสียงปรบมือลั่นห้องประชุม

จากนั้น ที่ประชุมได้เข้าสู่ขั้นตอนการเลือกรองหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค และตำแหน่งสำคัญๆ โดยนายอภิสิทธิ์ ได้เสนอ นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลด้านนโยบาย นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลด้านเศรษฐกิจดิจิทัล นายจุรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต๊อก รองหัวหน้าพรรคดูแด้านสื่อสารองค์กร 

น.ส.รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคดูแลด้านสตรี เยาวชน และความยั่งยืน นายวีระพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรคดูแลเด้านเศษฐกิจระหว่างประเทศ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรคดูแลด้านยุทธศาสตร์การเมืองและการประสานงานภาคประชาสังคม นายอิสรา สุนทรวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคดูแลด้านการต่างประเทศ นายอัมพร พินะสา รองงหัวหน้าพรรค ดูแลด้านการศึกษาและภาคอีสาน ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค เป็นนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม และอดีตรองหัวหน้าพรรค

เมื่อพิจารณาจากรายชื่อคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ และบรรดา อดีตสส.และสมาชิกรุ่นเก่าหลายคนที่ทยอยกลับเข้ามาอีกครั้ง บอกได้เลยว่าไม่ต่างจาก “เหล้าเก่าในขวดเก่า” นั่นแหละ และทีมบริหารพรรคชุดใหม่ ส่วนใหญ่ หรือแทบทั้งหมดล้วนเป็น “เพื่อนมาร์ค” ไม่ได้เป็นที่ฮือฮาใดๆ ออกมาเลย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวเปิดใจภายหลังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค ว่า สิ่งแรกคือขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมประชุมวันนี้อย่างพร้อมเพรียง และมอบความไว้วางใจให้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง ตอนเดินเข้ามาสื่อมวลชนถามว่ารู้สึกอย่างไรที่กลับมาบ้าน ตอบสั้นๆ ว่าใจไม่เคยไปไหน

ตั้งแต่มีเพื่อนสมาชิกหลายคนมาพูดคุยให้กลับมารับตำแหน่ง สิ่งที่หนักใจที่สุดคือเวลาที่จำกัดว่าจะเติมกำลังให้พรรคได้อย่างไร จึงใช้เวลาที่ผ่านมาเกือบทั้งหมด เชิญชวนคนใหม่ๆ เข้ามาร่วมงานกับพรรค

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อยากให้คนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าผสมผสานกันขับเคลื่อนพรรค เพราะที่ผ่านมา ผู้ร่วมงานมักมีอายุมากกว่า จึงขอว่าเที่ยวนี้อยากมีหลายคนที่อายุน้อยกว่า จะได้เป็นคนเดียวที่มีผมสีขาวในห้องประชุม พร้อมเสนอชื่อหลายคนที่ไม่ได้เป็นองค์ประชุม บางรายต้องยกเว้นคุณสมบัติ จึงขอให้ประธานที่ประชุมเรียกแสดงตัวตามข้อบังคับพรรคฯ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่มองเห็นก็คือบรรยากาศที่เป็นเอกภาพ โดยเฉพาะจากสมาชิกรุ่นเก่า และ “รุ่นเก๋า” ไม่ว่าจะเป็น นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ต่างสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งภาพแบบนี้ไม่ได้เห็นนานแล้ว แม้มักจะอ้างว่า นี่คือบรรยากาศประชาธิปไตย ไม่มีนายทุนพรรคมาชี้นำ แต่ที่ผ่านมาก็มักสร้างความแตกแยกจนเกือบล่มสลายมาแล้วหลายรอบ

ภาพที่เกิดขึ้นตอนนี้ในพรรคประชาธิปัตย์ หากมองในแง่บวกก็ต้องถือว่า เริ่มต้นได้ดีทีเดียว แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากตัวบุคคล ไม่ว่าจจะเป็นตัวหัวหน้าพรรค คือ นายอภิสิทธิ์ ลงมาล้วนเป็นหน้าเก่า เหมือนกับการกลับ “บ้านเก่า” ไม่ต่างจากการ “ชุมนุมศิษย์เก่า” ที่ดูแล้วมีความอบอุ่นกันเอง 

อย่างไรก็ดี บรรยากาศที่เป็นเอกภาพแบบนี้ย่อมดีกว่าการตีกันเละในพรรค แม้ว่าสำหรับการเลือกตั้งคราวหน้าคงยังไม่เห็นการเติบใหญ่จนกลายเป็นพรรคเกินร้อย แต่เอาเป็นว่าแค่รักษาสภาพเดิม หรือมากกว่าเดิม ทำให้บรรดา “แม่ยก” ทั้งหลายได้ชื่นใจ ลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคได้อย่างมีความสุขก็คงเพียงพอแล้ว

เพราะเมื่อพิจารณาจากทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มี นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำแล้ว หากพิจารณากันตามความเป็นจริง มันก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ เพียงแต่ว่า นี่คือการ “ตรึง” เอาไว้ไม่ให้ “ต่ำสิบ” ซึ่งที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปในยุคที่ เขายังเป็นหัวหน้าพรรคในการเลือกตั้งเมื่อปี 62 คราวนั้นได้ ส.ส.รวมกัน กว่าห้าสิบบที่นั่ง และเริ่มเห็นแววถดถอยอย่างชัดเจน จนกระทั่งเขาต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคในที่สุด

หากพิจารณากันเฉพาะตัวบุคคลก็ต้องบอกว่าสำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ อาจถึงขั้นตกยุคทางการเมืองไปแล้ว ถือว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่สามารถสร้างคะแนนนิยมเพิ่มความหวังให้กับคนทั่วไปได้มากนัก แน่นอนว่าหากมองกันอุปนิสัยก็ต้องยอมรับว่า “เป็นคนดี” เหมือนกับ นายชวน หลีกภัย แต่ในทางการเมืองยุคใหม่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

อย่างไรก็ดีก็ยังต้องเอาใจช่วย พรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่เปลี่ยนผ่านนี้ ให้สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นความหวังของคนไทยได้อีกครั้ง และการได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งย่อมทำให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคนี้ได้ขับเคลื่อน กลับมาใหม่ เพราะการมีประชาธิปัตย์ย่อมทำให้การเมืองมีสีสันขึ้นมาอีกแบบ ส่วนจะเติบโตได้แค่ไหนต้องใช้เวลาอีกสักพัก และที่สำคัญคงไม่ใช่ยุคของ อภิสิทธิ์ แน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น