“อภิสิทธิ์“ เผย ส.ส.บางส่วนแจ้งเตรียมไม่ร่วมทีมต่อ ยันเป็นสุภาพบุรุษพอ เข้าใจดี ไม่ถือเป็นอุปสรรคมั่นใจเดินหน้าฟื้นพรรค พร้อมสรรหาผู้สมัครลงสนามแข่งกับเวลาชูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโตยั่งยืน ยกเครื่องเกษตรลดเหลื่อมล้ำ สู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล ลั่นจะทำให้การเมืองกลับมาแก้ปัญหาประชาชนจริง ไม่ใช่เวทีต่อรองผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. เวลา 10.40 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ ว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ที่ได้รับเลือกเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เราต้องรอการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนทํางานอย่างเป็นทางการ แต่ได้มีการปรึกษาหารือกันแล้ว ว่าเรามีเวลามันน้อยมาก สําหรับเรื่องหลักที่ได้พูดคุยกันในวันนี้ คือ 1.นโยบาย เพราะสิ่งสําคัญที่สุดในการทํางานของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ คือ 1.ต้องสร้างความหวังให้ประชาชนให้ได้ หัวใจหลักของนโยบายของพรรคนั้น เรายืนยันว่ามีสิ่งดีๆ และความคิดดีๆ มากมาย แต่วันนี้ประเทศไทยจะยังทําไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจไม่โต เพราะเศรษฐกิจไทยติดหล่มมานานแล้ว เพราะฉะนั้น แนวคิดที่เราจะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตซึ่งจะเกี่ยวพันไปถึงการยกเครื่องภาคการเกษตร การทําให้เศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงลดความเหลื่อมล้ํา ลดการผูกขาด จะเป็นเรื่องที่เราต้องเร่งผลักดัน โดยได้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาให้ความคิดเห็นกับเรา ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ซึ่งเรามีการตั้งโจทย์ให้กับผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ว่าประเทศไทยต้องการอะไรจากการเมือง ซึ่งกระบวนการดังกล่าว นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นี้จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนโยบายของพรรค
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า 2.การเตรียมตัวผู้สมัคร ซึ่ง ขณะนี้ มีความไม่แน่นอนทางการเมือง และต้องทํางานแข่งขันกับเวลา โดยพรรคประชาธิปัตย์จะเคร่งครัดเรื่องการทําตามกฎระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครจะต้องมีการประชุมเลือกประธาน รวมถึงทํางานกับรองหัวหน้าพรรค แต่ละภาค และบรรดาสาขาตัวแทนจังหวัดของพรรคทันที
"ผมเรียนตามตรงว่าผมใช้เวลาในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พูดคุยกับบุคลากรของพรรคเยอะ มี สส.หลายท่านที่ให้การสนับสนุนผมเมื่อวันเสาร์ พูดกับผมมาก่อนวันเสาร์แล้วว่า ท่านอาจไม่ได้ร่วมงานกับผมต่อ ซึ่งผมก็เข้าใจข้อเท็จจริงทางการเมือง แต่เราต้องพยายามให้ดีที่สุด เพราะเมื่อเรามาตั้งต้นกันใหม่วันนี้ ก็พยายามพูดคุย เพราะอยากจะรักษาบุคลากรทางการเมืองของเราทุกคน แต่ธรรมชาติของการเมือง เมื่อมีการไปพูดคุยเจรจาอะไรกัน ผมเข้าใจได้ เพราะผมก็ทํางานการเมืองแบบสุภาพบุรุษ เข้าใจดีว่าบางทีใครไปตกลงอะไรไว้ เราเห็นใจ เข้าใจเขา แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราคิดเพียงอย่างเดียวว่าเราจะนําเสนอทางเลือกดีที่สุด ให้กับประชาชน ทั้งนโยบายและบุคลากร ท่ามกลางข้อจํากัดด้านเวลา"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าได้มีทาบทามบุคคลอื่นมาร่วมเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคด้วยหรือไม่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของมิติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การสร้างความเป็นธรรม และการเมือง เช่น สิ่งที่ฉุดรั้งบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะเรามีการคอร์รัปชั่นมาก จึงทําให้มีกฎเกณฑ์มากตามมา ส่งผลให้ธุรกิจเดินไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จึงจะต้องเป็นสิ่งที่เราร้อยเรียงกันทั้งหมด เศรษฐกิจไทยจะโตไม่ได้ ถ้าเราไม่สามารถเพิ่มพูนทักษะให้กับคนปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่เศรษฐกิจจะโตโด้ การเมืองก็ต้องดี การศึกษา และมิติอื่นๆ ก็ต้องดีด้วย
เมื่อถามว่าการกลับมาครั้งนี้ ถือว่าเป็นการให้ความหวังหรือเป็นตัวเลือกใหม่แก่ประชาชนได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นั่นคือหน้าที่ของพรรคการเมืองอยู่แล้ว แต่ตนรู้สึกเสียดายว่า ในช่วงหลัง นักการเมืองเหมือนอยู่กันคนละโลกกับประชาชน เพราะข่าวการเมืองที่เราเห็นทุกวันนี้ ดูแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับประชาชน ตนจึงต้องการทําให้การเมืองเป็นเรื่องการแก้ปัญหาให้ประชาชนจริงๆ และอยากขอความร่วมมือสื่อมวลชนว่าเราให้มาคุยกันเรื่องที่เป็นปัญหาของประชาชนซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตเขาจริงๆ นี่คือหน้าที่ของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องการมาเล่นเกมต่อรองหรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนที่จะมีการสรรหาผู้ลงสมัครได้มีการตั้งเป้าหมายหรือคาดหวังการเลือกตั้งข้างหน้าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ตนอยากได้เก้าอี้ให้มากที่สุด เมื่อถามต่อว่าประเมินเป้าหมายพื้นที่ใดเป็นพิเศษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของทุกคนทั้งประเทศ ส่วนจะส่งผู้สมัครลงครบทุกเขตหรือไม่ คงต้องขอดูประเมินจากความเป็นจริง เพราะเราต้องทำงานแข่งขันกับเวลา โดยเฉพาะมีสส.หลายคนกระซิบว่าอาจจะไม่ทำงานด้วยกับเรา ก็ต้องมาเร่งอุดช่องว่างในพื้นที่ต่างๆ
“ผมบอกกับทุกคนว่า ผมเห็นคุณค่าของบุคลากร ใครที่ร่วมงานกับประชาธิปัตย์มาผมก็ยินดีที่จะทำงานด้วยต่อไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเขาด้วย ว่าแนวทางที่ผมทำกับสิ่งที่เขาตั้งใจ มันสอดคล้องกันทั้งหมดหรือไม่อย่างไร เราต้องเคารพการตัดสินใจของกันและกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีสส.ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ ไม่ตอบเพียงแต่หัวเราะ และเมื่อถามว่า หรือว่าไปหมดเลยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไปไม่หมด ที่ผ่านมาตนพยายามพูดคุยกับทุกคนตลอด แต่เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว คงไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดเพียงแต่บอกถึงความตั้งใจ และอยากให้เข้าใจในสิ่งที่ตนพยายามกลับเข้ามาทำมันคืออะไร หากคิดว่าเป็นสิ่งที่เขาอยากจะสนับสนุน ตนก็กล่าวเชิญชวนเขาอยู่ต่อ แต่หลายคนขอใช้คำว่า มีการพูดคุย‘มันลึก’ไปแล้วอยู่หลายคน เราก็ต้องยอมรับว่ามันเกิดสิ่งนั้นก่อนที่จะมีการประชุมพรรคในวันเสาร์ที่ผ่านมา
ส่วนปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดตรังหลังจากที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตสส.ตรัง ได้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคทำให้ นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อาจจะออกจากพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินมาอย่างนั้น แต่จากที่ได้คุยกับสส.และนายสาทิตย์ ที่บอกว่าคนนั้นคนนี้เหตุมันคืออะไร ตนเพียงแต่บอกว่าตนมาสลายเหตุแล้วกัน และดูว่าจะไปด้วยกันได้หรือไม่อย่างไร อย่างที่บอกตนกลับมาต้องการรักษาทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับเขาจะตัดสินใจอย่างไร
เมื่อถามว่าที่ผ่านมากรรมการบริหารชุดเก่ามีการข้ามขั้วไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ทิศทางพรรคประชาธิปัตย์ครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร นายภิสิทธิ์ กล่าวว่าดูท่าที จุดยืน การกระทำของแต่ละพรรคก่อน แต่ทั้งหมดตนว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ตนยึดถืออุดมการณ์และสัจจะเป็นสำคัญ