xs
xsm
sm
md
lg

“ธรรมนัส–นฤมล” ลงพื้นที่สุโขทัย บูรณาการทุกหน่วยช่วยปชช. พร้อมมอบถุงยังชีพ–สุขาลอยน้ำ พร้อมบินสำรวจพื้นที่น้ำท่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ร.อ.ธรรมนัส นำทีมลุยสุโขทัย เกาะสถานการณ์น้ำท่วม สั่งเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย ย้ำบูรณาการทุกหน่วยร่วมฟื้นฟูพื้นที่ มอบถุงยังชีพ 700 ชุด และสุขาลอยน้ำ 10 หลัง แก่ประชาชน พร้อมนำข้อเสนอแนะเข้าที่ประชุม คอภ.

วันนี้ (6 ตุลาคม 2568) ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมี นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน นายปิยะ ลืออุติกุลวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 4 นายทวีวัฒน์ สืบสุขมั่นสกุล ผู้อำนวยการสำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา นายสิทธิพร พฤฒิพิบูลธรรม เลขานุการกรม และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ก่อนจะขึ้นบินสำรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย


ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส และ ศ.ดร.นฤมล ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 700 ชุด และสุขาลอยน้ำจำนวน 10 หลัง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น พร้อมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะนำข้อมูลและข้อเสนอแนะจากพื้นที่ไปประกอบการพิจารณาวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้มอบนโยบายแก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนและเต็มกำลัง เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ


สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ภายหลังได้รับอิทธิพลจากพายุ “บัวลอย” ซึ่งก่อให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำยม ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไหลลงสู่จังหวัดสุโขทัยและเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรนั้น ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำยมมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ด้านกรมชลประทานเตรียมประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง นำเครื่องจักรเครื่องมือเข้าดำเนินการซ่อมแซมจุดที่ได้รับความเสียหาย เสริมคันดินในพื้นที่เสี่ยง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิดจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาในมิติต่างๆ ในส่วนของภาคการเกษตร เพื่อความยั่งยืนต่อไป


ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด


กำลังโหลดความคิดเห็น