xs
xsm
sm
md
lg

สงครามแย่ง “บางจาก” ยังไม่จบ!?...ลากเข้าเกมการเมือง ทุนไหนจ้องฮุบต่อ หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง!? ** ย้ายเงียบ ที่ “ดีเอสไอ” หวังเป่าคดีฮั้วสว. !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า - ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ สงครามแย่ง “บางจาก” ยังไม่จบ!?...ลากเข้าเกมการเมือง ทุนไหนจ้องฮุบต่อ หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง!?

ว่ากันว่า“บางจาก”วันนี้...ไม่ใช่บางจากในวันวาน

ยักษ์ใหญ่พลังงานที่เคยนิ่งเงียบ กลับลุกขึ้นฟื้นตัวแรง แบบมีของ!

ธุรกิจในน้ำมัน พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีขั้นสูงกำลังพุ่งไม่หยุด

แต่ยิ่งบริษัทแกร่งมีอนาคตเท่าไร ก็ยิ่งดึงดูด “กลุ่มทุน” ที่อยากครองอำนาจพลังงานในมือมากขึ้นเท่านั้น

และนั่นเอง...คือจุดเริ่มของ “สงครามเกมข่าว” ลามเข้าสภาฯที่สะท้านสะเทือนวงการพลังงานไทยตอนนี้

เรื่องนี้ต้องย้อนไปตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา วงในตลาดทุนสนใจใน “เกมชิงหุ้น” ของกลุ่มต่างชาติ ที่มีชื่อของ" Chartered Group" เข้ากว้านซื้อหุ้น บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP)

เบื้องหลังดีลนี้ ความจริงควรหยุดแค่ในห้องประชุมบอร์ด...แต่ในวันแถลงนโยบายต่อสภาของ “รัฐบาลอนุทิน” เรื่องของคนที่เกี่ยวกับบางจาก ก็ถูกลากเข้าสู่สภาฯ

กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง!

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ชื่อของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรมว.เกษตรฯ ถูกโยงเข้ากับ “ทุนใหญ่ผู้ถือหุ้นบางจาก” ทั้ง "เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” หรือ “เบน สมิธ” นักลงทุนต่างชาติ ที่สื่อต่างชาติเคยระบุว่า เป็นคนในภาพที่ร่วมโต๊ะอาหารกับ "ทักษิณ ชินวัตร"!

... และยังโยงไปถึง “อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด” กลุ่มทุนอีกกลุ่ม

เพราะฉะนั้น ทั้ง “ผู้กองธรรมนัส” และ "ณัฐกร อธิธนาวานิช" กรรมการบริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์ยี่ (ACE) ผู้ควักเงินซื้อหุ้นกว่า 275.5 ล้านหุ้น หรือประมาณ 20% ของทุนจดทะเบียน จึงออกโรงควงคู่ออกสื่อ

ดังที่ไปปรากฏให้สัมภาษณ์ต่อสื่ออย่าง "สำนักข่าวอิศรา" ร.อ.ธรรมนัส เคลียร์เสียงดังบอกชัดว่า “ณัฐกร" เป็นเพียงน้องชายในวงการพลังงาน ที่รู้จักกันมานาน ไม่เกี่ยวโยงการเมืองอย่างที่ถูกกล่าวหา

ณัฐกร อธิธนาวานิช
ด้าน "ณัฐกร" เปิดใจว่า กลุ่มอัลฟ่า-ชาร์เตอร์ดฯ เป็นพันธมิตรของ Chartered Group ในไทย

เห็นศักยภาพบางจากว่าจะก้าวสู่ “ผู้นำพลังงานระดับภูมิภาค” จึงเดินหน้าซื้อหุ้น ถูกต้องทุกขั้นตอน ใช้เงินทุนจากสถาบันการเงินในสิงคโปร์ ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ Monetary Authority of Singapore (MAS)

ดีลเริ่มจากการยื่นซื้อหุ้น สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในราคา 43 บาทต่อหุ้น - สูงกว่าราคาตลาดถึง10 บาท!

แต่แล้ว...ดีลกลับ“สะดุด” อย่างมีเงื่อนงำ ทั้งที่เอกสารและการตรวจสอบผ่านครบ

“ณัฐกร” เปรยไว้มีนัย... “ดีลถูกดึงไว้ เหมือนมีพลังบางอย่าง สกัดไม่ให้ปิดได้ใน90วัน”

สุดท้าย “กลุ่มอัลฟ่า-ชาร์เตอร์ดฯ” เปลี่ยนยุทธศาสตร์ กว้านซื้อหุ้นจากรายย่อยแทน จนรวบได้ครบ 20% ภายในมีนาคม 2568
รวมมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท!

Chartered Group ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการ นี่คือเครือข่ายทุนข้ามชาติ ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 4–5 แสนล้านบาท มีฐานทั้ง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เยอรมนี และอิสราเอล

ใช้กลยุทธ์ “ซื้อ-ซ่อม-สร้างมูลค่า” ซื้อกิจการที่มีศักยภาพ ปรับโครงสร้าง เพิ่มกำไร แล้วปั้นกลับเข้าตลาด

ดีลบางจาก...ถูกวางให้เป็น Flagship Investment ในเอเชีย

ณัฐกร ย้ำ “เรามาเพื่อเสริม ไม่ได้มาแข่งกับ ปตท.”

โครงสร้างถือหุ้นยังคงแบบไทย 51% ต่างชาติ 49% เพื่อไม่กระทบความมั่นคงพลังงาน

แต่สังคมยังมีคำถาม...“เบื้องหลังดีลนี้ มีทุนการเมืองแฝงอยู่หรือไม่?”

 เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า - ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เพราะชื่อที่โผล่ขึ้นมา ไม่ได้มีเพียง “เบนจามิน” กับภรรยา “แคทรียา บีเวอร์” กระแสข่าวโยงทุนจากกัมพูชา ที่ถูกลือว่า “หนุนเงินซื้อหุ้น”

“ณัฐกร” ตอบตรงๆว่า รู้จัก “เบนจามิน”ในฐานะนักลงทุนเท่านั้น ไม่ได้สนิทกัน และตั้งคำถามกลับว่า “ใครกันแน่ที่พยายามโยงทุกอย่างให้เป็นเรื่องการเมือง?”

ต้องบอกว่า สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ร้อนขึ้นมาจริงๆ ก็คือชื่อของ “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์”

หรือ “เบน สมิธ” นี่ล่ะ เรื่องที่ถูกโยงว่า สนิทสนมกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ภาพเดียว...แต่แรงพอจะโยงทั้งทุน ทั้งนักการเมือง และทั้งระบบพลังงาน เข้าด้วยกัน

ขณะเดียวกัน “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” ออกแถลงการณ์ แจงเรื่องราวตามกระแสข่าวโดย ยืนยันว่า ตน ครอบครัว และหุ้นส่วนธุรกิจ กำลังตกเป็นเหยื่อของการโจมตีใส่ร้ายโดย “ทอม ไรท์” จาก Project Brazen ที่กล่าวหาเขาเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรง ทั้งฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์

“เบนจามิน” ยืนยันว่า ไม่เคยมีคดีอาญา หรือหนีคดี เรื่องคดีในนิวซีแลนด์นั้น ได้รับการสอบสวนแล้ว ไม่ผิดกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท Tiantian Ventures

และภาพที่สื่อนำมาใช้...ไม่ใช่เขา!

“เบนจามิน” เผยว่า “ทอม ไรท์” โพสต์โจมตีกว่า 130 ครั้ง จึงเริ่มดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้ ICIJ และ OCCRP ตรวจสอบการทำงานของ ทอม ไรท์ และผู้อยู่เบื้องหลัง

บทสรุปของ “ซีรีส์ บางจาก” ยักษ์ตื่นแห่งวงการพลังงานตอนนี้

ต้องยอมรับว่า การฟื้นตื่นจากหลับไหลของบางจาก ทำให้บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งนี้ กลายเป็น สมรภูมิของทุนใหญ่ ที่ต่างหมายจะครองอำนาจเหนือพลังงานไทย

แต่เมื่อเกมธุรกิจถูกลากเข้า เกมการเมือง ทั้งนักการเมือง นักลงทุน และกลุ่มทุนต่างชาติ ถูกโยงเข้าหากันเป็นใยแมงมุม
คำถามที่ยังรอคำตอบก็คือ... สงครามแย่งชิงหุ้นบางจาก จบแล้วจริงหรือ?

หรือว่านี่เป็นเพียง “บทแรก” ของศึกพลังงานระดับชาติ

ที่กำลังจะเปิดโปงให้เห็น...ว่า ใครอยู่เบื้องหลัง!? และทุนไหนอีก ที่กำลังจ้องฮุบบางจากต่อจากนี้ ?

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์
++ ย้ายเงียบ ที่ “ดีเอสไอ” หวังเป่าคดีฮั้ว สว. !?

หลังจาก “พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์” รมว.ยุติธรรม คนใหม่ ที่มาแทน “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ก็มีการจับตากันว่า จะมีการโยกย้ายใหญ่ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” หรือไม่...“พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดี ดีเอสไอ จะยังอยู่ดี มีงานทำหรือไม่
เพราะ “ดีเอสไอ” เป็นหน่วยงานที่อยู่ในกำกับของกระทรวงยุติธรรม และตอนนี้ นอกจากคดี “ฮั้วเลือกสว.” จะอยู่ในมือ ดีเอสไอ แล้ว ยังมีคดี “เขากระโดง” อีกกรณีที่ดีเอสไอ ยื่นมือเข้าไป

แต่ช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังเงียบสงบ ...แต่ในความเงียบนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ที่มีสายข่าวอยู่ในดีเอสไอ บอกว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ที่มีส่วนทำคดี “ฮั้วเลือก สว.” และ “เขากระโดง” กำลังป่วนหนัก ไม่เป็นอันกิน อันนอน ถูกเด้ง กระเด็นกระดอน ไปคนละทิศคนละทาง

คนทำคดี คุมสำนวน ถูกล็อกคอบ้าง ถูกย้ายออกจากหน้าที่เดิมบ้าง

เขาไม่ใช้วิธีออกคำสังย้ายให้เอิกเกริก แต่ใช้วิธีแบบเนียนเนียน “ขอยืมตัว”ไปช่วยราชการ ที่สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม
รีบร้อน ถึงขั้นเปิดปฏิบัติการยืมตัวกันตั้งแต่ “นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล” ยังไม่ทันได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา เสียด้วยซ้ำ

ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างก็ได้... กรณี “ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงส์มณี” ผอ.กองคดีเทคโนโลยีสารสนเทศ ถูกขอยืมตัวไปช่วยราชการ ที่สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2568 ส่วนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เริ่มวันแรก 29 กันยายน 2568

“ร.ต.อ.เขมชาติ” เป็นคณะทำงานคนสำคัญในคดี ฮั้วเลือก สว.

พูดตามประสาชาวบ้าน เป็นข้าราชการน้ำดี ทำคดีอยู่ดีๆ ก็ดันถูก “ยืมตัว” มาดูแลกรุ ให้ตัดขาดจากงานที่ทำอยู่เดิม แล้วมอบงานใหม่ให้ไปนั่งตบยุง !!

คงไม่ต้องอธิบายมาก ว่าทำไมต้องยืมตัวเจ้าหน้าที่คนสำคัญของคดีฮั้วสว.ไปช่วยราชการที่อื่น!

ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ “ดีเอสไอ” ต้องนอนผวา หมดกำลังใจทำงาน ต้องรอลุ้นว่าจะถูก “ยืมตัว”ออกนอกหน่วยเมื่อไร

เรื่องนี้ ทำให้คิดไปถึงรายชื่อ 229 คน ที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 คณะกรรมการ กกต. ส่งหนังสือเรียกตัวให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา คดีฮั้วเลือก สว.

นอกจากมีรายชื่อ “สว.สีน้ำเงิน” ไล่ตั้งแต่ ประธานฯ, รองประธานวุฒิสภา ไปยันสว.ทั้งคนดัง และโนเนม รวมแล้วกว่า 130 คน
ยังมีระดับผู้บริหารพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นทั้งนายกฯ รัฐมนตรี และ สส.รวมอยู่ด้วย อย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล, สุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล, สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ, ไชยชนก ชิดชอบ, เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ , ไตรศุลี ไตรสรณกุล, ศุภมาส อิศรภักดี, กรวีร์ ปริศนานันทกุล , ชลัฐ รัชกิจประการ, ภราดร ปริศนานันทกุล , แนน บุณย์ธิดาสมชัย , ไม่เว้นกระทั่ง “เนวิน ชิดชอบ”!!

เจอทั้งลูกล่อ และลูกชน ของรัฐมนตรี “บุรีรัมย์ คอนเนกชัน” เข้าแบบนี้ ก็ได้แต่มอบกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ที่กำลังทำคดีสำคัญของชาติบ้านเมือง ให้เดินหน้าต่อไป อย่าหยุด หรือกลับหลังหัน เพราะสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่นั้น จะยังคงอยู่ต่อไป เพราะ ความจริง ก็คือความจริง

นักการเมืองมาแล้วก็ไป แต่คุณงามความดี ที่เจ้าหน้าที่ “ดีเอสไอ” ที่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง จะยังคงอยู่.


กำลังโหลดความคิดเห็น