‘ทีมวิจัย-ผู้เชี่ยวชาญ’ ใช้ 2 นวัตกรรม ‘3D Scan-TUSHM’ ร่วมสำรวจ ถ.สามเสน-พื้นที่โดยรอบ เชื่อม AI ประมวลข้อมูลครบถ้วน-แม่นยำ พร้อมวิเคราะห์เชิงลึกหาสาเหตุ-แนวทางป้องกัน ช่วยประเมินเสี่ยง-วางแผนแก้ไขรัดกุม เผยหนแรกที่ใช้ ‘3D Scan-TUSHM’ นวัตกรรมขึ้นหึ้งที่ ‘สกสว.-กองทุน ววน.’ หนุนมาทำงานร่วมกัน เล็งต่อยอดบูรณาการองค์ความรู้-นวัตกรรม ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานไทย
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.68 คณะนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำโดย รศ. ดร.พรหมพัฒน ธัญสิริชัยศรี นักวิจัยจากศูนย์วิจัย Infrastructure Inspection, Monitoring, Repair and Strengthening (IIMRaS) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ผศ.ดร.อมรเทพ จิรศักดิ์จำรูญศรี อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนายั่งยืน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุถนนสามเสนยุบตัว ช่วงการก่อสร้างอุโมงค์และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีม่วงใต้ บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และพื้นที่โดยรอบ เพื่อสำรวจความเสียหาย และประเมินความเสี่ยงการเกิดเหตุซ้ำซ้อน รวมทั้งรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์เชิงลึกถึงสาเหตุ ตลอดจนแนวทางการป้องกันในอนาคต ทั้งโครงการที่เกิดเหตุ และโครงการอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน
โดยคณะนักวิจัยได้นำเทคโนโลยีสแกนสามมิติ (3D Scan) ตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุและข้างเคียงโดยรอบ เพื่อเก็บข้อมูลสภาพพื้นผิวและภูมิประเทศโดยละเอียด พร้อมประมวลผลด้วย AI InSpectra ที่เป็นการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตรวจจับเชิงวิศวกรรมโครงสร้างเพื่อสร้างฐานข้อมูลสามมิติที่ครบถ้วน และแม่นยำสำหรับนำไปวิเคราะห์เชิงลึกอย่างเร่งด่วน
“เราจะใช้ข้อมูลจาก 3D Scan ซึ่งบันทึกสภาพจริงของพื้นที่ในเชิงปริมาตร และรายละเอียดพื้นผิว ร่วมกับภาพถ่ายและข้อมูลจากกล้องหรือโดรนที่ InSpectra ประมวลผลเป็นแบบจำลองสามมิติความละเอียดสูง จากนั้นระบบจะนำข้อมูลทั้ง 2 ส่วนมาเปรียบเทียบกับแบบจำลองก่อนหน้า เพื่อค้นหาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เช่น รอยแยก, ความลึก รวมไปถึงขอบเขตของการทรุดตัวได้อย่างชัดเจน” รศ. ดร.พรหมพัฒน กล่าว
ด้าน ผศ. ดร.อมรเทพ ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ ‘เครื่องตรวจวัดสัญญาณการสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวต้นทุนต่ำ หรือ TUSHM’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สกสว. ภายใต้กองทุน ววน. กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านี้ทีม TUSHM ได้ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดไว้ที่อาคารเพชรรัตน์ ภายในโรงพยาบาลวชิระฯอยู่แล้ว และมีแผนขยายไปยังอาคารทีปังกรฯ รวมถึงอาคารสำคัญอื่นภายในโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของระบบเฝ้าระวังแผ่นดินไหว เมื่อเกิดเหตุครั้งนี้ จึงจะเร่งติดตั้งเครื่องตรวจวัดการสั่นสะเทือน TUSHM บนอาคารต่างๆ ให้ครบคลุมพื้นที่มากที่สุด เพื่อเฝ้าระวังแรงสั่นไหวที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการซ่อมแซมถนนและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งก็ได้รับการอำนวยความสะดวกจาก ดร.อำพัน วิมลวัฒนา รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เป็นอย่างดี
ผศ. ดร.อมรเทพ เปิดเผยอีกว่า ทั้งเทคโนโลยี 3D Scan และเครื่อง TUSHM เป็นผลงานที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สกสว. ภายใต้กองทุนส่งเสริม ววน. ซึ่งมีบทบาทในการบูรณาการองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อจัดการความเสี่ยง และยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และก่อนหน้านี้หลายหน่วยงานได้มีการนำเทคโนโลยี 3D Scan และเครื่อง TUSHM ไปใช้งานอยู่แล้ว จากการบูรณาการเทคโนโลยี 3D Scan และเครื่อง TUSHM ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร และวิศวกรโครงสร้าง สามารถประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำยิ่งขึ้น และกำหนดมาตรการแก้ไขหรือป้องกันได้อย่างรัดกุม และทันท่วงที
“เหตุการณ์นี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำระบบ AI ตรวจสอบโครงสร้างอัตโนมัติควบคู่กับ 3D Scan และเครื่องตรวจวัดการสั่นสะเทือน TUSHM (ที-ยู-เอส-เอช-เอ็ม) มาใช้กับภัยพิบัติในเขตเมืองของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะทีมวิจัยยืนยันว่า จะต่อยอดข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาระบบTracking (ติดตาม) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการประเมินความมั่นคงของพื้นที่เสี่ยงในอนาคต” ผศ. ดร.อมรเทพ ระบุ.