‘อนุทิน’ ลงอยุธยา ตรวจน้ำท่วมบางบาล มอบถุงยังชีพชาวบ้าน ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย บอกวันนี้มาในฐานะนายกฯ แก้ปัญหาให้ได้ทุกมิติ เน้นแก้ระยะยาว ไม่อยากให้แจกแต่ถุงยังชีพ ยันทำงานรวดเร็ว ได้คนกล้าตัดสินใจร่วมรัฐบาล ก่อนเรียก ‘สส.เต้’ พรรค ปชน.ขึ้นเวทีแนะนำ บอก ‘เลือกเต้ให้เต้มาเลือกหนู’ พร้อมสั่งจ่ายเยียวยาน้ำท่วมทันทีหลังแถลงนโยบาย ดันโครงการระบายน้ำ 1 แสนล้าน แก้ท่วมซ้ำซาก สัญญาไม่ปล่อยชาวบ้านเผชิญน้ำทุกปี หวังประชาชนไว้วางใจ กลับมาสานต่อ
เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 27 ก.ย. ที่วัดโคกหิรัญ (ริมแม่น้ำเจ้าพระยา) ต.บางชะนี อ.บางบาล จ. พระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดเวลไฟร์ ทะเบียน สน. 5999 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะสส.อยุธยา เขต 4 นายประดิษฐ์ สังขจาย สส.อยุธยา เขต 5 นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.อยุธยาเขต 1 พรรคประชาชน(ปชน.) น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ สส.อยุธยา เขต 3 พรรคภูมิใจไทย และนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รอต้อนรับด้วย
โดยเมื่อนายกฯเดินทางมาถึงผู้นำท้องถิ่น และ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร้องเพลงมาร์ชอสม.ต้อนรับ ก่อนมอบดอกกุหลาย และตะโกนบอกว่า “ขวัญใจอสม. ” และ “รักท่านนายกฯ” ก่อนที่นายกฯร่วมถ่ายภาพเซลฟี่อย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ระหว่างนายกฯลงพื้นที่ได้มีฝนตกลงมาโปรยปราย จากนั้นนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปรายงานสถานการณ์น้ำ
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะนายกฯสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกมิติ เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน ถึงแม้จะมีพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมอยู่ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีทุกคนมีคือประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน ดังนั้นเราจะทำงานอย่างเต็มที่ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความเดือดร้อนให้น้อยที่สุด เราทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก เนื่องจากในพื้นที่ได้รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน เป็นพื้นที่ต่ำทำให้ระบบการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ยาก นอกจากนี้แม่น้ำเจ้าพระยายังมีลักษณะคอขวดทำให้การระบายน้ำช้าลง เราพยายามสู้กับธรรมชาติมาโดยตลอดและพยายามคิดแผนการในการบรรเทาการเกิดอุทกภัยให้กับประชาชน ตอนนี้เนื่องจากเรื่องของการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ทางรัฐบาลต้องใช้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ต้องคอยเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างๆในการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งวันนี้พวกเราทุกคนที่อยู่ในที่นี้ประชาชนคงเห็นว่าเป็นคนของพี่น้องประชาชนทั้งนั้น สส.เอ นายสุรศักดิ์ ลูกชายของนายกอบจ. วันนี้ได้เป็นรมว.อุดมศึกษาฯ นอกจากรับผิดชอบดูแลเรื่องการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ยังกำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม ที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงนำมาใช้เพื่อลดภาวะภัยธรรมชาติ
จากนั้นนายอนุทิน ได้เรียก สส.เต้ ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต 1 พระนครศรีอยุธยา ขึ้นมาบนเวที พร้อมกล่าวว่า สส.เต้อยู่พรรคประชาชน แต่ไม่ต้องกังวล แม้อยู่คนละพรรคแต่เขาโหวตให้นายอนุทิน ตนไม่มีข้อสงสัยว่าเขาเป็นพรรคการเมืองคนละพรรคกับเรา สส.เต้เป็น สส.ที่ชาวบางบาล เลือกมา ซึ่งท่านก็ได้ขานชื่อตนในสภา ให้ตนเป็นนายกฯ เท่ากับพ่อแม่พี่น้องทุกคนให้ฉันทานุมัติให้ตนเป็นนายกฯ ในเมื่อพ่อแม่พี่น้องมีความทุกข์ยาก ไม่ว่าท่านจะเลือกใครเป็นสส.ก็ตาม นายกฯและรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคลายทุกข์ให้กับพี่น้องทุกคนโดยทันที
นายอนุทิน ยังเรียกสส.อยุธยา ทั้งหมดขึ้นบนเวที พร้อมกล่าวว่า ทำไมไม่ขึ้นมาเดี๋ยวก็สอบตกทั้งหมดหรอก ก่อนแนะนำทุกคนให้ประชาชนรู้จัก รวมถึงแนะนำทีมนายก อบจ. และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยกับประชาชน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อเกิดปัญหาต้องเร่งแก้ได้ทันท่วงที โดยเฉพาะเรื่องงบที่จะเยียวยา เช่น กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ตนให้การยืนยันว่าเมื่อเกิดภัยพิบัติที่เป็นเหตุฉุกเฉินผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรามีงบประมาณฉุกเฉินที่บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเบิกจ่ายได้ในรูปแบบของงบฉุกเฉิน ไม่ต้องเป็นกังวล ใช้เพื่อประโยชน์บรรเทาทุกข์ของประชาชน แล้วไม่ต้องห่วงการตรวจสอบ ถึงแม้ใครจะมาตรวจสอบเราก็สามารถชี้แจงได้ ตนให้ความมั่นใจว่างบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจะต้องตกถึงพ่อแม่พี่น้อง 100% ไม่มีตกหล่น ขอให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับทราบถึงงบที่จะมาช่วยพ่อแม่พี่น้องและอย่าไปเกรงกลัว ที่ตนได้รับทราบมาว่าหลายท่านกลัวคนจะมาตรวจสอบทำให้ไม่กล้าใช้ ผู้ว่าราชการฯและรองผู้ว่าฯต้องมีหน้าที่ไปชี้แนวทางให้ท่านทั้งหลายได้ใช้งบฉุกเฉินเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องให้ทันท่วงที สำหรับตนก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ ก็เป็นรมว.มหาดไทยมา เข้าใจในเรื่องความเร่งด่วน ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แต่ตอนนั้นเราเบิก แต่คนอนุมัติจ่ายเป็นอีกคน เขาก็มีวิธีตรวจสอบเยอะไปหมด แต่วันนี้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยทั่วประเทศ รมว.มหาดไทย ที่ชื่ออนุทินจะทำเรื่องเสนอให้นายกรัฐมนตรีที่ชื่ออนุทินอนุมัติ ขั้นตอนจะถูกลดลงมา ขอเพียงอย่างเดียวข้าราชการตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับกรม กระทรวง และขั้นตอนของรัฐมนตรีทั้งหลายในการร่วมพิจารณาขอให้เร่งพิจารณา และในคณะรัฐมนตรีถ้าเป็นเรื่องของประชาชนแล้ว ซึ่งครม.ส่วนใหญ่คือสส. ของท่านทั้งนั้น จึงเข้าใจความจำเป็นเร่งด่วนของท่าน ขอให้ประชาชนวางใจว่าพวกเราทุกคนจะทำงานอย่างเต็มที่รวดเร็ว เพื่อให้ทุกข์ท่านได้รับการคลายทุกข์ออกไป และเวลาไปไหนตนต้องหนีบ นายภราดร ไปด้วย เพราะเป็นคนที่ตนได้มอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงบประมาณ ให้ดูแลเรื่องภัยพิบัติ เรื่องงบช่วยเหลือประชาชน ให้มาเห็นด้วยตัวเอง นี่คือการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ รวดเร็วทันใจ ดังนั้นการช่วยเหลือประชาชนรวดเร็วแน่นอน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีการเร่งรัดโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาลบางไทร ให้เสร็จในปี 2569 ซึ่งจะระบายน้ำ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อตัดยอดน้ำไม่ให้ท่วมพระนครศรีอยุธยา นี่เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ตนทราบดีประชาชนไม่อยากได้ถุงยังชีพ เพราะถุงยังชีพมาก็ต่อเมื่อเราใช้ชีวิตปกติไม่ได้ หน้าที่รัฐบาลคือแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วย ไม่อย่างนั้นเราก็จะมาเจอกันทุกปีและพ่อแม่พี่น้องจะทนรัฐบาลได้กี่ปี พอน้ำท่วมทีก็มา มาไม่ถึง 3 ครั้ง พ่อแม่พี่น้องแกะถุงยังชีพปาใส่แน่นอน ตนไม่อยากให้ถุงยังชีพต้องใช้ แต่อยากให้เกิดความสะดวกสบายทางระบบสาธารณณูปโภค ดังนั้นต้องเกิดการปรับปรุงระบบชลประทานฝั่งตะวันออกตอนล่าง ทำให้เกิดการระบายน้ำตั้งแต่ชัยนาท ป่าสัก เมื่อดูแผนแล้วต้องใช้เวลา 7 ปี ซึ่งมีการของบ 100,000 ล้านบาทในการแก้ปัญหา แต่คอตนไม่ตก เพราะ 100,000 ล้านบาทนั้น เท่ากับหนึ่งปี 10,000 กว่าล้านบาทเอง หากเราทำโครงการแบบนี้ได้ เทียบกับเงินอีก 10,000 ล้านบาทที่ทุกปีต้องส่งเป็นเงินค่าเยียวยาต่างๆให้ประชาชน ซึ่งประชาชนได้แค่ 9,000 บาท ไม่มีประโยชน์แค่สร้างขวัญกำลังใจเท่านั้น แต่ตรงนี้มาผันแก้ไขปัญหาระยะยาว รัฐบาลเสียทีเดียว และมีระบบสาธารณูปโภคช่วยระบายน้ำหลากทุกปี นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะทำ และขอมอบหมายให้นายศักดิ์ดา ดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า และต้องถือโอกาสนี้ทำงานเสนอและคนสนองเป็นพวกเดียวกันหมด อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรของสหกรณ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่กันคนละพรรค แต่เปรียบเสมือนเป็นเพื่อนนักเรียนกันมาก่อน ท่านมีความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ สำคัญคือกล้าตัดสินใจ เมื่อคนกล้าตัดสินใจทุกคนมาทำงานร่วมกันประโยชน์สูงสุดก็เกิดกับประเทศกับพี่น้องประชาชน เรามีเวลาทำงานไม่นาน ต้องวางแผนให้ดี ให้พี่น้องไว้ใจเที่ยวหน้าเขาก็จะเลือกให้ทำงานต่อ แต่ถ้าสส.ทำงานไม่ได้อย่าริมาเป็นผู้แทน ทำงานไม่ได้อย่าริมาเป็นรัฐมนตรี และความกล้าตัดสินใจที่จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง คนไหนทำงานให้กับพี่น้องมากกว่าก็เลือกคนนั้น จังหวะนี้ทำให้มีประชาชนตะโกนขึ้นมา รอบหน้าก็จะเลือกสส.เต้ จากพรรคประชาชน นายอนุทินจึงตอบกลับว่า "ดีแล้ว เลือกเต้แล้วให้เต้มาเลือกหนู"
ต่อมานายกฯและผู้ว่าฯอยุธยา มอบเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพและเงินสงเคราะห์ครอบครัว ผู้เสียชีวิต 1 ราย จากเหตุการณ์น้ำท่วม ก่อนมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย ทั้งนี้ระหว่างเดินพบปะประชาชน นายกฯ ได้บอกกับชาวบ้านว่า “ขอให้อดทนหน่อย เอาเงินช่วยเหลือก่อน กำลังช่วยเหลือเรื่องการระบายน้ำ วันนี้มากันเยอะรัฐบาลเดียวกัน”
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้ฝากนายกฯ ดูเรื่องผนังกั้นน้ำ ซึ่งนายกฯ กล่าวตอบว่าตนกำลังดูอยู่
รวมถึงมีการฝากเรื่องการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ขอให้ทำสำเร็จ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ตอนนี้เกิดสถานการณ์น้ำท่วม โดยได้สั่งการเร่งให้ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาตามเกณฑ์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้ล่าช้าไป ดังนั้นหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็จะดำเนินการทันที เพราะความทุกข์ร้อนของประชาชนรอนานไม่ได้
เมื่อถามว่าจะลงพื้นที่ไหนอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มี แต่ว่าขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยเกิดที่ภาคกลาง ขณะเดียวกันมีแผนที่จะต้องเร่งโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนโครงการที่ระบายทางน้ำ ด้วยการศึกษาทางระบายน้ำตอนใต้เขื่อนเจ้าพระยา ที่ จ.ชัยนาท ลงอ่าวไทย ส่วนเม็ดเงินที่จะมาทำโครงการนี้ถามว่าเยอะหรือไม่ ต้องใช้เวลา 7-8 ปี ก็ใช้ประมาณ 100,000 ล้านบาท ตกปีละ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งไม่ได้เยอะ เพราะต้องรีบทำพื้นฐานให้เรียบร้อย เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้น ถ้าเทียบกับเงินช่วยเหลือเยียวยาว ที่ต้องจ่ายให้ทุกปี ปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท ก็เป็นจำนวนเงินที่มากกว่าไปทำโครงการที่เป็นถาวรวัตถุ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำ และผันน้ำออกจากพื้นที่ภาคกลางได้ ก็จะแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เพราะการมาเจอชาวบ้านทุกปีแบบนี้ไม่ไหว มาแล้วก็ต้องมาขอโทษ นำถุงยังชีพมาให้ ซึ่งชาวบ้านไม่ได้อยากได้ ดังนั้น ต้องสร้างโครงการที่แก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งพวกตนเองจะทำ
เมื่อถามว่าเวลาที่มีอยู่ของรัฐบาลจะสามารถดำเนินโครงการช่วยบรรเทาปัญหาซ้ำซากได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการต่างๆรัฐบาลไหน ก็ไม่สามารถแล้วเสร็จ ภายในอายุรัฐบาลได้ แต่เราต้องตัดสินใจเริ่ม ไม่คิดว่าไปตัดแข้งตัดขาใคร ซึ่งไม่ว่าโครงการดังกล่าวใครจะนำเสนอขึ้นมา อยู่พรรคไหนพวกไหน แต่ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ ตนขอให้คำยืนยัน เพราะนิสัยของตนเอง ไม่สนใจว่าใครจะได้เครดิต ถ้าหากได้ประโยชน์สูงสุด ใครเสนอมาตนก็เห็นชอบหมด
เมื่อถามว่าถ้าเริ่มแล้วครั้งหน้าจะหวังกลับมาสานงานต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “เราก็ต้องหวัง” ซึ่งต้องทำงานให้ประชาชนมั่นใจและเชื่อใจว่า เรามาแก้ไขปัญหาจริง และรักษางบประมาณของประเทศ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ ต้องไม่หายไปไหน ต้องถูกใช้เพื่อประโยชน์ของประเทศและเชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาสเรากลับมาสานต่อ