เมืองไทย 360 องศา
สังเกตอาการ และความเคลื่อนไหวจนรับรู้กันไปทั่วแล้วว่า เวลานี้บรรดา“กลุ่มการเมือง”หรืออาจเรียกว่า “บ้านใหญ่” ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ กำลังไหลเข้ามายังพรรคภูมิใจไทยแทบทั้งสิ้น ทำให้พอมองเห็นภาพการเมืองในวันข้างหน้าที่จะส่งผลให้พรรคนี้ “พองตัว” กลายเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และกลายเป็นผู้นำ “ขั้วการเมืองขั้วใหม่” ที่ถูกมองว่าเป็น “ขั้วอนุรักษ์” ใหม่ สำหรับการกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกรอบ ก็เป็นไปได้สูง
แต่ขณะเดียวกัน หากโฟกัสเข้าในแต่ละ “กลุ่มบ้านใหญ่” ที่ไหลบ่าเข้ามานั้น ถือว่าพวกเขามี “ลักษณะเด่น”เฉพาะตัว นั่นคือ “มีแสงหรือพลังในตัวเอง” อยู่แล้ว ซึ่งคุณสมบัติเด่นแบบนี้ทำให้พวกเขายืนระยะในแต่ละจังหวัดรวมไปถึงขยายออกไปอีกบางจังหวัดขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละกลุ่ม ดังนั้นเมื่อเห็นภาพแบบนี้แล้ว ทำให้พอมองข้ามช็อตไปถึงการเมืองหลังการเลือกตั้งคราวหน้า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกรอบ การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีก็จะมาจาก “โควตา” ของแต่ละกลุ่มการเมือง ตามสัดส่วนจำนวน ส.ส.ที่พวกเขามีอยู่ในมือ
ขณะเดียวกัน จะว่าไปแล้ว ลักษณะหรือองคาพยพภายในพรรคภูมิใจไทยเวลานี้ ก็ถือว่าเป็นลักษณะ “กลุ่ม” ที่ชัดเจนอยู่แล้ว นอกเหนือจาก “กลุ่มบุรีรัมย์” กลุ่มอุทัยธานี ของนายชาดา ไชยเศรษฐ์ กลุ่มของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รวมไปถึง “กุล่มอ่างทอง” ของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รวมทั้งกลุ่ม “ไตรสณกุล” ในจังหวัดศรีสะเกษ เป็นต้น ซึ่งแต่ละกลุ่มดังกล่าวมีตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุด ได้มีกลุ่มของ นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่ปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่แตกตัวมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ นำ16 ส.ส.มาซบพรรคภูมิใจไทยแล้ว และก่อนหน้านั้นก็มีกลุ่ม “บ้านใหญ่ชุมพร” นำโดย ชุมพล จุลใส นำทีมกลุ่มราว 50 คน ที่มีทั้ง ส.ส.และกลุ่มการเมืองท้องถิ่นที่เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร กลุ่มเทศบาลมาเข้าร่วม และมีรายงานอีกว่าอีกไม่นานจะมีการ นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ นำทีมเข้ามาอีก
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสงขลา ในกลุ่มของนายนิพนธ์ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมาร่วมด้วย
นี่ยังไม่รวมบรรดาส.ส.ในพื้นที่อีสานใต้ จากพรรคอื่นจะไหลเข้ามาอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้เวลานี้ มีบรรดา ส.ส.กลุ่มการเมืองหลายกลุ่มที่ย้ายเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย และเชื่อว่าหลังจากที่มีการยุบสภา ที่ทำให้ ส.ส.มีอิสระในการย้ายพรรค นั่นคือ มีเวลาภายใน 30 วันเท่านั้น ในการสังกัดพรรคใหม่ ตอนนั้นจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนแน่นอน
ก่อนหน้านั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนายสุชาติ ชมกลิ่น จะย้ายมาร่วมพรรคภูมิใจไทยว่า ต้องฟังสิ่งที่นายสุชาติแถลงก่อน แต่ที่ผ่านมาเราคุยกันมาตั้งนานแล้ว เพราะทำงานด้วยกัน และนโยบายทางการเมืองไปด้วยกันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่จะมาทำงานรับใช้บ้านเมืองด้วยกัน
ถามว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับนายเฉลิมชัย แต่รักกันดี กับหัวหน้าเฉลิมชัย และก็เรียกว่า“พี่ต่อ”
สำหรับ นายชุมพล จุลใส อดีตสส.หลายสมัย จังหวัดชุมพร พร้อมนายสุพล จุลใส สส.ชุมพร และนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ พานายนพพร อุสิทธิ์ หรือนายกโต้ง นายกอบจ. ชุมพร และทีม อบจ.ชุมพร ใส่เสื้อแจ๊กเกต ที่เขียนด้านหลังว่า พลังชุมพร เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย
โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย นายกิตติ กิตติธรกุล สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ พร้อมแถลงข่าวร่วมกัน
นายชุมพล กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทย สามารถนำพาประเทศไปได้ และทำทุกอย่างให้ประเทศมั่นคง และเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งจุดยืนของตนคือ การทำเพื่อประเทศไทย ไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตัว แต่อยากให้ประเทศใดไปข้างหน้า พร้อมย้ำว่าสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มาด้วยวันนี้ มาเพื่อให้กำลังใจก่อน แต่ทีมพลังชุมพรนั้น มากันร่วมกว่า 50 ชีวิต และเวลาเราจะไปไหนก็ไปกันยกทีม
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีบิ๊กเนม ทางการเมืองเข้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายพิพัฒน์ ระบุว่า ตนได้รับมอบหมายจากพรรคภูมิใจไทยให้คุยกับเพื่อนนักการเมืองใน 14 จังหวัดภาคใต้ ถึงอุดมการณ์ที่จะเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งก่อนหน้าเสียโอกาสเยอะมาก แต่หากรวมตัวกัน และมียุทธศาสตร์ ก็มั่นใจว่า จะสามารถพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ไปได้มากกว่านี้ ซึ่งก็จะมีเพื่อนนักการเมืองเข้ามาร่วมอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และ สงขลา ส่วนพื้นที่ภาคใต้ จะได้สส.จำนวนเท่าไหร่ ตนคงตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนภาคใต้ ตัดสินใจ จะตอบสนองพรรคภูมิใจไทยเท่าไหร่
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวแล้ว ได้สวมเสื้อแจ๊กเกต ของพรรคภูมิใจไทย ให้กับกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ และนายนพพร นายกอบจ.ชุมพร ก่อนจะสวมกอดนายชุมพร พร้อมชูมือ ถ่ายรูปร่วมกัน
นั่นคือตัวอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เห็นภาพ “กลุ่มก๊วน” การเมืองหรือ “บ้านใหญ่” แล้วแต่จะเรียกกันในการไหลเข้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะทยอยเข้ามาอีกหลังการยุบสภา แต่ระหว่างนี้ ก็จะมีการเปิดตัวและแสดงท่าทีให้ชัดเจนแบบไม่ต้องปิดบังกันอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตากันก็คือ ภาพของการ “แตกตัว” รวมไปถึงการ “ล่มสลาย” ของบางพรรคการเมือง เช่น รวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ ที่ไปต่อลำบาก ซึ่งอาจกลายเป็นพรรครักษาเฉพาะบางกลุ่มที่เป็นบ้านใหญ่ในบางจังหวัดเอาไว้ เพื่อรอเข้าร่วมเป็นพันธมิตร และรัฐบาลผสมกับพรรคภูมิใจไทย หลังการเลือกตั้ง ซึ่งยังมี พรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อีกพรรคหนึ่งที่อาจจะกลายเป็นพรรค “แนวร่วม” อีกเช่นกัน รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่หากมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคใหม่ ที่น่าจะกลายเป็นพรรคขนาดเล็ก
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากจำนวน ส.ส.จาก “บ้านใหญ่” ที่ไหลเข้ามาในพรรคภูมิใจไทย ทำให้พรรคนี้ขยายใหญ่ขึ้น จนกลายเป็น “ขั้วใหม่” ในลักษณะที่เป็น “อนุรักษ์นิยม” เป็นแกนหลักหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีโอกาสแข่งขันกับพรรคประชาชน โดยมี พรรคเพื่อไทยที่เวลานี้กำลังอยู่ในภาวะ “เลือดไหล” แม้ว่าจะพยายามรั้งกันเต็มที่ แต่ด้วยไม่มีอะไรใหม่ “สินต้าชินวัตร” ถูกมองว่ากำลังตกยุค จังน่าจะเป็นแค่พรรคขนาดกลางๆ แต่ก็ถือว่าจะยังเป็น “ตัวแปร” สำคัญ ซึ่งพวกเขาอาจต้องการแบบนี้ก็ได้!!