xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”กลับมาสู้ ฟื้นเพื่อไทยชิงอำนาจ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

วันที่ 8 กันยายน ข้อมูลจาก flightradar 24.com ได้แสดงเส้นทางการบินของเครื่องบินไพรเวตเจ็ต บอมบาดิเออร์ โกลบอล 7500 (Bombardier Global 7500) ทะเบียน T7-GTS ออกเดินทางจากท่าอากาศยานเซเลตาร์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเวลาประมาณ 12.46 น.ที่ผ่านมา(ตามเวลาในไทย) โดยบินผ่านน่านฟ้าประเทศมาเลเซีย มุ่งมายังประเทศไทย

เครื่องบินลำดังกล่าวเคยพา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ไปยังเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเดินทางจากดูไบ ไปยังสิงคโปร์เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา

มีรายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าวได้แจ้งขอลงจอดที่ Mjets ดอนเมือง ในเวลา 14.30 น.วันเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใน flightradar24.com ระบุเครื่องบินของนายทักษิณลงจอดที่ดอนเมืองแล้ว เมื่อ 14.54 น.ที่ผ่านมา

มีรายงานว่า หลังจากผ่านขั้นตอนของ ตม.แล้ว นายทักษิณ ได้ออกจากสนามบินดอนเมือง โดยผู้ติดตามได้นำรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์-มายบัค ทะเบียน พร 195 กรุงเทพมหานคร ไปรับออกจากสนามบิน

ก่อนหน้านั้น เมื่อตอนสายวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยได้ทักทายสื่อมวลชน และเมื่อถูกถามว่า สบายดีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ยิ้ม ก่อนกล่าวว่า สบายดีค่ะ

เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาวันนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ถามกลับว่า วันนี้หรือเดี๋ยวรอดูแล้วกัน แต่ว่ากลับมาแน่นอน

เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร จะไปรอรับด้วยตัวเองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงไม่ได้ไปรับ พอดีวันนี้ติดงานตอนบ่าย จึงไม่ได้ไป

ก็เป็นอันว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้กลับประเทศไทยตามที่เคยพูดเอาไว้หลังจากเดินทางถึงดูไบก่อนหน้านี้แล้วว่าจะกลับมาประเทศไทยวันที่ 8 กันยายน

สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร มีคิวที่ต้องไปฟังคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 9 กันยายน ในกรณีคำสั่งบังคับโทษไม่เป็นไปตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นผลมาจาก กรณี “ป่วยทิพย์ชั้น 14”

สำหรับบรรยากาศที่บริเวณอาคารศาลฎีกา ฝั่งคลองหลอดวันที่ 8 กันยายน ถือว่าเป็นวัน “สุกดิบ” ก่อนถึงวันชี้ขาด

ผู้สื่อข่าวพบว่าได้มีเจ้าหน้าที่ของศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้มาร่วมกันวางแผนและกำหนดแนวพื้นที่เพื่อรักษาความเรียบร้อย รองรับการอ่านคำสั่งบังคับโทษคดีชั้น 14 ในวันที่ 9 กันยายน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายเรียก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เดินทางมาฟังคำสั่งเรื่องการบังคับโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษา ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

เบื้องต้นจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เเละ ตำรวกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน หรือ คฝ. รวมจำนวนทั้งสิ้น 100 นาย รวมทั้งได้กำหนดพื้นที่เพื่อรักษาความเรียบร้อย โดยจะอนุญาตให้สื่อมวลชนที่ลงทะเบียนไว้กับศาลฎีกาเท่านั้นที่สามารถเข้าฟังเเละสามารถนำรถทีมข่าวมาจอดบริเวณด้านหลังอาคารศาลฎีกา ริมคลองหลอดได้

ส่วนสื่อมวลชนที่ไม่ได้ขออนุญาต รวมทั้งบรรดากลุ่มมวลชนที่จะมาให้กำลังใจนายทักษิณ ให้รวมตัวกันที่บริเวณลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา โดยจะมีเเผงเหล็กกั้นไว้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการจัดระเบียบและควบคุมพื้นที่บริเวณโดยรอบศาลฎีกา

แน่นอนว่า จุดโฟกัสในวันที่ 9 กันยายน สายตาส่วนใหญ่ย่อมจับจ้องไปที่ศาลฎีกาฯว่าผลคำสั่งของศาลจะออกมาอย่างไร แม้ว่าหลายคนจะออกมาแทบจะตรงกันว่า น่าจะ “เป็นลบ” มากกว่าบวก ก็ตาม แต่ก็ต้องรอฟังให้ชัดๆเสียก่อน เพราะหากออกมาเป็นลบเขาก็ต้องกลับเข้าคุก ส่วนจะมีการ “ติดคุกจริง” หรือไม่ก็ต้องรอดู เพราะหากมีแท็กติกทางกฎหมายอะไรหรือไม่ก็ต้องติดตามเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งหากพิจารณากันในมุมการเมืองก็ต้องบอกว่า การตัดสินใจกลับมาประเทศไทยครั้งนี้ของ นายทักษิณ แม้ว่าหลายคนต่างมองว่าจะไม่กลับมาแล้วก็ตาม แต่หากมองในความเป็นจริงแล้ว หากไม่กลับนั่นก็เท่ากับว่าเขา “โยนผ้า” ยอมแพ้ราบคาบแล้ว เพราะความหมายก็คือลอยแพพรรคเพื่อไทย และที่สำคัญก็คือ “ปล่อยวางอำนาจ” ทุกอย่าง เหมือนกับยอมแพ้แล้ว

แต่เมื่อเขากลับมา พร้อมกับการที่เห็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาว ที่เพิ่งพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เข้าประชุมพรรคเพื่อไทยก่อนหน้าที่เขาจะบินจากสิงคโปร์กลับประเทศไทย นั่นเท่ากับว่าเป็นการส่งสัญญาณ “สู้ต่อ” เพราะการกลับมา ก็เหมือนยืนยันว่า ยังนำครอบครัวชินวัตร และพรรคเพื่อไทยลงสนามการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกครั้ง

แม้ว่าในสนามเลือกตั้งอาจจะไม่เห็นคนในครอบครัวชินวัตรสายตรง เป็นตัวแทนเหมือนกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แต่ก็ต้องมี “ตัวแทน” อย่างแน่นอน และแม้ว่าในสถานการณ์การเมืองข้างหน้าจะไม่เหมือนเดิม พรรคเพื่อไทยและครอบครัวของเขาจะไม่ใช่ “ขั้วหลัก” เหมือนเมื่อก่อนที่เป็นพรรคอันดับหนึ่งหรืออันดับสอง แต่ก็ยังถือว่าเป็นพรรคการเมืองหลัก หาก นายทักษิณ ชินวัตร ยังมีบทบาทสำคัญอยู่แบบนี้

ดังนั้นการกลับมาของ นายทักษิณ ชินวัตร ทางหนึ่งเหมือนกับการ “ลุ้นได้เสีย” ดีกว่า “ไม่กลับ” เพราะจะเสียหายแบบย่อยยับ ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งสัญญาณ “สู้ต่อ” อย่างน้อยในสนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจริงก็อีกราวเกือบปี ซึ่งยังพอมีเวลาหายใจหายคอ ปรับกระบวนทัพกันใหม่ แม้จะเหนื่อยหนัก แต่สำหรับเขาแล้วคงมั่นใจว่ายังมีโอกาสกลับมาชิงอำนาจรัฐคืนมาได้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น