“ลิณธิภรณ์” โต้ “ไอซ์ รักชนก” บิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหา “แพทองธาร” ไม่ยุบสภาตั้งแต่ตอนคลิปเสียงหลุด ยันศาลยังไม่ตัดสิน ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อมีคำตัดสินก็เคารพด้วยความสง่างาม ย้อน สส.ปชน.โดนคดีก็ยังยื่นประกันตัวเดินหน้าสู้คดี ไม่เห็นลาออก
นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ดร.หญิง ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์” ตอบโต้ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ที่ตำหนิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช้อำนาจยุบสภาตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน ตอนเริ่มมีการปล่อยคลิปเสียงสนทนากับนายฮุนเซน ว่า “รักชนก” อย่าบิดเบือน! 2 เดือน นายกฯ แพทองธาร ไม่ใช่เหตุผลให้ต้องยุบสภา
ดิฉันขอตั้งคำถามถึงตรรกะของคุณรักชนก ศรีนอก พรรคประชาชน ที่กล่าวหาว่า “นายกฯ แพทองธาร ควรเห็นด้วยกับการยุบสภาล่าช้าไป 2 เดือน” เพราะนี่คือการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง
ความจริงคือ นายกฯ แพทองธาร ได้เข้าสู่กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญแล้วในคดีคลิปเสียง และตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษา ทุกคนย่อมอยู่ภายใต้หลักการ “สันนิษฐานว่าบริสุทธิ์” พรรคเพื่อไทยชี้แจงชัดตั้งแต่ต้นว่า นายกฯ แพทองธาร เจรจาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ ไม่ให้สถานการณ์ชายแดนบานปลาย ต่างหากที่กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดหลักการทางการทูต ด้วยการนำคลิปเสียงมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในเวทีระหว่างประเทศ
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย พรรคเพื่อไทย และนายกฯ แพทองธาร พร้อมเคารพและยอมรับทุกประการ เพราะนี่คือความสง่างามทางการเมืองที่แท้จริง ไม่ใช่การลาออกกลางคันโดยยังไม่รู้ผลตัดสิน
แล้วเหตุผลที่อ้างว่า “ควรลาออก” อยู่ตรงไหน? …ในเมื่อที่ผ่านมา สส. พรรคประชาชน เองก็มีคดีความไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เคยมีใครลาออก ต่างใช้สิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์จนถึงที่สุดภายใต้กระบวนการยุติธรรม
ดิฉันจึงอยากถามกลับว่า ทำไมตอนเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลถึงมั่นใจว่า เสียง สว. ครบ 84 เสียง และเสนอชื่อคุณพิธาเป็นนายกฯ ถึง 2 รอบ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเสียงไม่พอ? พรรคเพื่อไทยถามด้วยความจริงใจแล้วว่า “เสียง สว. พอหรือไม่” คำตอบที่ได้รับคือ “พอแน่นอน” และ พรรคประชาชนก็ไม่เคยคิดถอนตัว พอโหวตแพ้ สว.ไม่ถึง ก็ให้รออีก 10 เดือน” จน สว.จะหมดอำนาจ ตรงไหนค่ะความเหมาะสม แต่วันนี้กลับหันมาบอกว่า “2 เดือน” ของนายกฯ แพทองธาร เป็นความไม่สง่างาม ต้องลาออกทันที … แบบนี้คือมาตรฐานทางการเมืองหรือไม่?
ที่สำคัญ กรณีคุณรักชนกเอง ศาลมีคำพิพากษาจำคุกในคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่ก็ยังยื่นประกันและเดินหน้าต่อ ไม่ลาออกเช่นกัน เพราะยังถือสิทธิในการต่อสู้คดีอยู่ หากใช้มาตรฐานนี้กับตัวเองได้ ทำไมไม่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับนายกฯ แพทองธาร?
พรรคเพื่อไทยยืนยันชัดเจน เราไม่หนี ไม่หลีกเลี่ยง แต่สู้เต็มที่ในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมเคารพคำวินิจฉัยของศาล ความสง่างามของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การลาออกหนีปัญหา แต่คือการยืนหยัดต่อสู้ภายใต้กฎหมาย และยอมรับผลตัดสินด้วยความเคารพ