กสม.ออกแถลงการณ์ ชี้ ตร.จับกุม นร. 13 ปี ส่งกลับกัมพูชา เป็นการละเมิดสิทธิเด็ก-กม.อาญา เหตุไม่มีหมายจับ-ไม่มีความผิดซึ่งหน้า ย้ำ หลักการคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดเด็ก เรียกร้องสังคมร่วมกันยุติการสร้างความเกลียดชังด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ
วันนี้ (28 ส.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์กรณีครูเล่าถึงเหตุการณ์ที่นักเรียนชายวัย 13 ปี ซึ่งศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถเข้าไปจับตัวในโรงเรียน ด้วยข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและพำนักอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเตรียมส่งตัวกลับไปยังประเทศกัมพูชา ทั้งๆ ที่เด็กได้รับการกำหนดรหัสประจำตัวนักเรียนรหัส G ซึ่งเป็นรหัสที่กำหนดให้แก่เด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาของไทยได้
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอเน้นย้ำว่า อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม มีหลักการสำคัญระบุให้การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ไม่ว่าจะกระทำโดยสถาบันทางสังคม หรือองค์กรใด ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก และรัฐภาคีต้องยอมรับสิทธิของเด็กที่จะได้รับการศึกษาบนพื้นฐานของโอกาสที่เท่าเทียมกัน
กสม. เห็นว่า กรณีการจับกุมเด็กนักเรียนชายรายดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิเด็กและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องด้วยเป็นการจับกุมที่ไม่มีหมายจับ ไม่มีเหตุแห่งการกระทำความผิดซึ่งหน้า เด็กมีสถานะเป็นเพียงผู้ติดตามมารดาเข้าเมืองมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กและไม่มีเจตนาหลบหนี อีกทั้งการเข้าไปจับกุมเด็กในพื้นที่โรงเรียน อาจสร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่เด็กได้ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น การส่งตัวกลับประเทศต้นทางในทันที อาจทำให้เด็กนักเรียนชายรายดังกล่าวซึ่งไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาประเทศบ้านเกิดได้ เสียสิทธิ ขาดโอกาสและความต่อเนื่องในการได้รับการศึกษาโดยสิ้นเชิง
จากกรณีข้างต้น กสม. จึงขอเน้นย้ำหลักการสิทธิเด็กด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ขอให้การดำเนินการใดๆ ของทุกฝ่ายคำนึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นที่ตั้ง โดยไม่ควรมีกรณีการจับกุมเด็กต่างชาติในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ กสม. ขอให้สังคมร่วมกันยุติการสร้างความเกลียดชังด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติในทุกรูปแบบเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมที่พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างสันติ