xs
xsm
sm
md
lg

ชายแดนเดือด ไทย-เขมรใครจะอึดกว่ากัน !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่าเวลานี้หากพิจารณากันในภาพรวมๆแล้ว ความร้อนแรงในระดับการสู้รบกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาได้ลดระดับลงไปมากแล้ว แม้จะยังมีความตึงเครียด เพราะยังมีการคงกำลังและยุทโธปกรณ์เอาไว้ในพื้นที่ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาตามที่มีรายงานยังมีการเสริมกำลังเข้ามาในบางจุด ซึ่งก็มีโอกาสปะทะขึ้นมารอบใหม่ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ได้ย้ำกับกำลังพลว่า หากพบการรุกล้ำเข้ามาอีกของฝ่ายกัมพูชาให้ยิงได้ทันที

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาดูแล้วสถานการณ์ดูจะผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะการปะทะทางทหาร เพราะเวลานี้เหมือนกับว่าฝ่ายกัมพูชาจะยอม “ผ่อน” ลงไปมากแล้ว หากสังเกตจากระดับผู้นำ อย่าง นายฮุน เซน ที่เวลานี้รักษาการประมุขกัมพูชา ที่ในรอบหลายวันมานี้ไม่ค่อยได้เห็นโพสต์ในโซเชียลมากนัก มีแต่ระดับรองๆ เล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีความหมายอะไรนัก

แต่ขณะเดียวกันที่น่าจับตาก็คือบรรยากาศในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ที่ “บ้านหนองจาน” ที่ทางฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาตั้งเป็นชุมชนนานหลายสิบปีแล้ว ล่าสุดเกิดความตึงเครียดระหว่างมวลชนของทั้งสองฝ่าย โดยก่อนหน้านั้นฝ่ายกัมพูชาได้ระดมคนนับร้อยมากดดันให้ทหารไทยรื้อลวดหนามที่วางล้อมกันพื้นที่เอาไว้ มีการด่าทอ ขว้างปาทหารไทยจนเกือบเกิดรุนแรงบานปลาย

ทำให้วันรุ่งขึ้นก็มีมวลชนคนไทยที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของชาวกัมพูชา และทหารกัมพูชาที่”แอบ” อยู่ข้างหลังใช้วิธี “โล่มนุษย์” มีการรวมตัวกันจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งมีทั้งคนในพื้นที่และมาจากจังหวัดใกล้เคียงเข้ามากดดันตอบโต้ฝ่ายกัมพูชา พร้อมกับร้องขับไล่ออกจากผืนแผ่นดินไทย แม้ในเบื้องต้นอาจดูตึงเครียดเหมือนกับมวลชนปะทะกัน แต่ก็สามารถควบคุมได้

แต่จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยเฉพาะการชุมนุมของคนไทยที่บ้านหนองจาน เป็นการสะท้อนอารมณ์โกรธ ในแบบสุดทนของพวกเขาที่ “ทนไม่ไหว” กับพฤติกรรมของชาวกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ เจ้าหน้าที่ลงมาถึงระดับชาวบ้าน เหมือนกับว่าจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว อารมณ์ประมาณนั้น

ล่าสุดวันที่ 27 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณแนวชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา ว่าคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกลุ่มพลังมวลชนจากหลายพื้นที่ทยอยเดินทางเข้ามารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง และต่างพากันถือธงชาติไทย ผูกโบว์ รวมแสดงสัญลักษณ์เชิงรักชาติ เพื่อยืนยันการปกป้องผืนแผ่นดินไทย

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ อ.โคกสูง และชาวบ้านใน จ.สระแก้ว ได้พากัน นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่เดินทางมาร่วมชุมนุม และยังมีบรรดาพ่อค้า- แม่ค้า พากันตั้งร้านขายอาหารและเครื่องดื่มเรียงรายตลอดสองข้างถนน ทำให้บรรยากาศบริเวณแนวชายแดนกลับมามีสีสันอีกครั้ง แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวก็ตาม

แต่สิ่งที่น่าจับตาก็คือ หลังจากมีการลงพื้นที่ของฝ่ายเสนาธิการทหาร จากกองบัญชาการกองทัพไทย นำโดย พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร และ พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพไทย ลงพื้นที่บ้านหนองจาน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีการยืนยันหลักเขตแดนบางส่วนที่มีความชัดเจนว่าบ้านหนองจานเป็นของไทย และมีการชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาตั้งบ้านเมือง โดยมีการเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งรื้อถอนและนำประชาชนออกไป โดยมีกำหนดระยะเวลา หลังจากนั้นจะมีการผลักดันออกไป

ล่าสุด พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ให้มีความเข้มแข็งเพื่อป้องกันการรุกราน ว่า กองทัพบกกำลังพิจารณาและนำไปปฏิบัติทั้งในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 โดยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ได้ให้เสนาธิการลงไปในพื้นที่ ที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว และสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่า พื้นที่ตรงนั้นคือดินแดนของไทย และจะต้องมีการสร้างกำแพงที่แข็งแรง เพื่อปกป้องประชาชนและปกป้องการรุกรานจากฝ่ายตรงข้ามโดยยืนยันว่าตนเองจะสนับสนุนทุกการกระทำของกองทัพบกอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน เมื่อวกมาที่เรื่องเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นตัวกดดันที่สำคัญไม่แพ้กำลังทางทหาร เมื่อปรากฏว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจของกัมพูชานั้นด้อยกว่าไทยมาก ที่ผ่านมาไทยให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในทุกด้าน และเวลานี้สิ่งที่กัมพูชาได้รับผลกระทบมากที่สุดนั่นคือ การที่ไทยปิดชายแดนทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลในเรื่องชีวิตปากท้องของชาวบ้าน รวมไปถึงรายได้จาก “บ่อนการพนัน” ตามแนวชายแดน ถือว่าเป็นรายได้มหาศาลของระดับผู้นำกัมพูชา หรือผลกระทบจากรายได้การท่องเที่ยว ทั้งที่มาจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เคยมีจำนวนมากที่สุด หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ผ่านจากประเทศไทย ก็ลดลงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

มีนำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า แรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทยเมื่อเร็วๆ นี้ มากกว่า 130,000 ราย ได้รับการจ้างงานแล้ว จากคำกล่าวอ้างของ เฮง ซัวร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา ตามรายงานของขแมร์ไทม์ส อย่างไรก็ตามหากดูจากข้อเท็จจริง มันถือเป็นแค่สัดส่วนเล็กน้อยจากแรงงานทั้งหมดกว่า 920,000 คน ที่เดินทางกลับจากไทย ท่ามกลางประเด็นพิพาทด้านชายแดน

รายได้จากแรงงานกัมพูชาที่เคยทำงานในไทยจำนวนเกือบล้านคน แม้จะได้งานกว่าแสนคน แต่อีกจำนวนกว่าเจ็ดแปดแสนคน ที่เคยส่งรายได้หลายหมื่นล้านบาทกลับไป จะต้องขาดรายได้ ทำให้การผ่อนชำระหนี้สินในครัวเรือนต้องหยุดชะงักลง และเชื่อว่าปัญหานี้ จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ และการหางานจำนวนหลายแสนอัตราเพื่อรองรับแรงงานกัมพูชาที่อพยพกลับไปตามแรงกดดันของรัฐบาลฮุน เซน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการแก้ปัญหาในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้นหากพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าวมาทั้งหมด เชื่อว่า ยิ่งนานไป กัมพูชาน่าจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ที่ส่วนใหญ่เอาเข้าจริง ยังต้องพึ่งพาไทยเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องสินค้าอุปโภค บริโภค พลังงาน ที่แม้ว่าในเบื้องต้นสามารถนำเข้าจากประเทศอื่นมาทดแทนได้ แต่ทำให้ต้นทุนสูงกว่า

ขณะเดียวกัน รายได้ของระดับผู้นำที่มาจากเรื่อง “บ่อนการพนัน” และ สแกมเมอร์ ต่างๆ มากมายที่สุมหัวกันอยู่ตามแนวชายแดน หากไทยยังเดินหน้าปิดด่านแบบนี้ต่อไป เชื่อว่าอีกไม่นานเศรษฐกิจกัมพูชาจะยิ่งมีปัญหา อย่างน้อยที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ รายได้จากแรงงานกัมพูชาที่เคยส่งกลับไป ก็ต้องสูญหายวับไปทันที และเชื่อว่าปัญหาแบบนี้จะยิ่งทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเหมือนกับว่าปัญหาชายแดน ใครจะอึดกว่ากัน แต่ขณะเดียวกันความสัมพันธ์จะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมแล้วแน่นอน !!



กำลังโหลดความคิดเห็น