ครม.อนุมัติจัดสรรงบรายจ่ายประจําปีงบ 68 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัย เดือน ก.ย.- ต.ค. 67
วันนี้ (26 ส.ค.) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลางรายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 1,696 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย สำหรับค่าไฟฟ้า ประจําเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม 2567 แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก (ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย และประเภทที 2 กิจการขนาดเลิก ตามประกาศโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าในปัจจุบันของ กฟภ.) ในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย และให้ กฟภ. เบิกจ่ายเงินจากสำนักงบประมาณ (สงป.) ต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ
นายอนุกูล กล่าวว่า เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติ (24 กันยายน 2567) เห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือ ด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หน่วยงานราชการ ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย (รวม 18 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดตาก จังหวัดพิจิตร จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองคาย จังหวัดนครพนม จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) โดย (1) ไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายน 2567 และ (2) ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ร้อยละ 30 ซึ่งกำหนดให้เป็นส่วนลดก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2567
ในครั้งนี้กระทรวงมหาดไทย (มท.) จึงเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว วงเงิน 1,696 ล้านบาท ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป และขอให้ มท. โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ (สงป.) ตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง (กค.) กระทรวงพลังงาน (พน.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง โดย กค. เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็น สงป.