วันนี้ (16 ก.ค.) นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการรับมือภาษีทรัมป์ ว่า ตนได้ดูเนื้อหา ไส้ในที่ทางสหรัฐฯต้องการแลกเงื่อนไขแล้ว ตนไม่ค่อยติดใจในหลายเงื่อนไข แต่ห่วงใยในเงื่อนไขที่บอกว่าสหรัฐอเมริกาสนใจจะให้ประเทศไทยตั้งฐานทัพ ที่ทับละมุ จังหวัดพังงา ซึ่งตนมองเป็นเรื่องใหญ่มาก ถือว่าเป็นความมั่นคงของประเทศ เราไม่ควรเอาระบบภาษีมาต่อรองเรื่องความมั่นคง ตนเข้าใจสหรัฐอเมริกาที่ปล่อยให้ประเทศคู่ค้าดำเนินการกัน ค้ากันไปมา แต่พอมาถึงวันหนึ่ง สหรัฐอเมริกาอาจจะรู้สึกตัวว่าให้ทบทวนเรื่องการเก็บภาษีประเทศคู่ค้า จึงทำหนังสือถึงประเทศต่างๆ ซึ่งเราได้เปรียบดุลการค้า แต่เราไม่ได้กระจายความเสี่ยงกับประเทศอื่นที่สามารถเป็นคู่ค้าได้ พอมาวันนี้ เราจึงโดนอำนาจการต่อรองของสหรัฐอเมริกา เมื่อเราโดนแล้ว ตนคิดว่า เราคงจะต้องหันทางอื่นหรือเจรจาในเรื่องอื่น ต้องเป็นการค้าแลกกับการค้า เช่น การสั่งซื้อเครื่องบิน หรือไปดูเงื่อนไขว่าอเมริกาต้องการอะไร เป็นการสร้างแต้มต่อให้เกิดการเจรจาต่อรอง
“เวลาเขามีแต้มต่อแล้ว เขาก็จะดำเนินการ ผมคิดว่า ถ้าเราทำให้พังงาเป็นฐานทัพของอเมริกา ผมเป็นห่วงลูกหลานว่าในอนาคตจะเป็นพื้นที่กระสุนตก คล้ายยูเครน สร้างความขัดแย้งระหว่างอาเซียน เมียนมา จีน สิ่งเหล่านี้ ผมต้องการให้รัฐบาลเข้าไปทบทวนเรื่องการเจรจาการมีแต้มต่อกับในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกา”
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวต่อว่า เราเห็นได้ว่าวันนี้อเมริกาเปลี่ยนทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งตนได้ไปดูโปรไฟล์ พบว่า เก่งมาก เชี่ยวชาญด้านภาษา มีความรู้เรื่องอาเซียน มีความรู้เรื่องประเทศไทย แต่ขณะเดียวกัน ทูตของสหรัฐอเมริกาที่ประจำสิงคโปร์ มาเลเซีย เราจะเห็นความแตกต่าง สหรัฐอเมริกาฉลาด เขาต้องการอะไรในประเทศไทย เขาต้องเอามือดี คนที่มีความรู้เข้ากับการเมืองในประเทศไทยได้ สิ่งเหล่านี้เป็นการเดินแต้มที่ชาญฉลาด ขณะเดียวกัน ประเทศไทยตนก็อยากถามรัฐบาลว่าเราใช้ระบบการทูตเข้าไปเจรจาระดับไหน ทีมงานล็อบบี้ยิสต์เป็นอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศแปลก เราหาคนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศค่อนข้างยาก ผมคิดว่าเรายังใช้ภารกิจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศและใช้ทูตยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ผมไม่อยากเห็นประเทศไทยเสี่ยงในพื้นที่ความขัดแย้ง วันนี้แทบทุกประเทศเปิดหน้าแล้ว ที่สำคัญในอาเซียนมีแร่ที่หายาก เช่น ในจังหวัดพังงา มีลิเธียม วันนี้เรามีการท่องเที่ยว
“เราต้องมีไพ่สำคัญที่จะใช้ในการเจรจา แต่หากเราใช้ข้อมูลเดิม ผมยังเชื่อว่า ไม่สำเร็จ แม้กระทั่งสำเร็จก็อยู่ในสถานการณ์ที่อเมริกามีแต้มต่อ วันนี้อย่าว่า 36% เลย 20% เราก็สู้เขาไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้นักลงทุนในไทยหรือนักลงทุนที่มาลงทุนในไทยก็ย้ายถิ่นไปอยู่ที่เวียดนาม ความเป็นห่วงในเรื่องคนว่างงาน แรงงานที่อยู่ในประเทศไทย เราจะต้องมีปัญหา เราแก้ไม่ทันแน่นอน วันนี้มันไม่ใช่เวลามาตีกันแย่งผลประโยชน์ เราต้องถอยหลังเข้ามาในการต่อสู้เรื่องภัยเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ เพื่อจะไม่ให้เกิดภัยสังคมกับประชาชนที่จะต้องลำบาก อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจน ตั้งทีมงานเรื่องเจรจาและสร้างความเข้มแข็งภายใน”
ส่วนที่วันนี้ อินโดนีเซียได้ปิดดีลภาษีที่ 19% นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เป็นปัจจัยที่เราต้องเจรจา ต้องทำการบ้าน ต้องเข้าใจก่อนว่าอินโดนีเซียมีต้นทุนแต้มต่ออะไรกับสหรัฐอเมริกา เราต้องเข้าใจว่า ประเทศอินโดนีเซียประชากรมาก สหรัฐอเมริกาเขาเข้าใจเราหมด สามารถเปิดดูทุกตารางนิ้ว เราต้องเอาการค้ากับยุทธศาสตร์ เรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางการค้าไปเจรจา เราไม่ต้องเอาเรื่องความมั่นคงไปสู่กระบวนการ ดังนั้น ต้องระมัดระวัง
